ภาพรวมการลงทุน
ในเดือนที่ผ่านมานักลงทุนจับตาสถานการณ์ความคืบหน้าการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนซึ่งมีท่าทีพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นเป็นปัจจัยบวกสนันสนุนการลงทุนทั่วโลก
ด้านผลการประชุม FED มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาด ค่าเงินดอลลาร์ (DXY)
ปรับตัวในกรอบแคบ ด้านราคาน้ำมันดิบโลก (WTI) สามารถยืนเหนือระดับ
USD50/bbl ได้ตลอดทั้งเดือนจากการลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปก
แม้ว่าภายหลังประธานาธิบดีทรัมป์ออกมากล่าวถึงราคาน้ำมันที่สูงเกินไปกดดันราคาน้ำมันดิบโลก
สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอินเดียและปากีสถานทำให้นักลงทุนกลับมาจับตาดูความเสี่ยงมากขึ้น
โดยในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประกาศเลื่อนเส้นตายการขึ้นภาษีสินค้าของจีนจากเดิมในวันที่
1 มี.ค. ออกไป ในเดือนนี้ตลาดหุ้นในภูมิภาคอาเซียนปรับตัวไม่มีทิศทางที่ชัดเจน
ขณะที่ค่าเงินในภูมิภาคอาเซียนเทียบกับดอลลาร์สหรัฐส่วนใหญ่อ่อนค่าลงขึ้น
(ยกเว้นฟิลิปปินส์เปโซและมาเลเซียริงกิต)
ในเดือนกุมภาพันธ์ SET Index ปรับตัวขึ้น 0.72% MoM นำโดยหุ้นกลุ่มสื่อสาร
ปิโตรเคมี Rebound กลับมาจากแรงเทขายในเดือนก่อนหน้า โดยในระหว่างเดือนตลาดมีความผันผวนเนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมือง
ตลอดจนตัวเลขขาดดุลการค้าเดือนมกราคม ส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง 0.87% MoM
ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย JCI Index ปรับตัวลง
1.37% MoM นำโดยหุ้นกลุ่ม Consumers Discretionary และ Materials ค่าเงินรูเปียห์พลิกกลับมาอ่อนค่า 0.68% MoM หลังจากที่แข็งค่าขึ้นก่อนหน้า
โดยธนาคารกลางแห่งประเทศอินโดนีเซียคงอัตราดอกเบี้ยที่ 6.00% ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ PCOMP
Index ปรับตัวลง 3.77% MoM โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการไตรมาส
4 ที่ออกมาค่อนข้างน่าผิดหวัง โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่มีการตั้งสำรองสูงกว่าที่ตลาดคาด
ตลาดหุ้นมาเลเซีย FTSE BURSA Index ปรับตัวขึ้น 1.44% MoM
โดยหุ้นกลุ่ม Energy และ Materials ปรับตัวสูงขึ้นจากราคาน้ำมันดิบโลก Rebound ตลาดหุ้นสิงคโปร์
STI ปรับตัวขึ้น 0.71% MoM โดยหุ้นกลุ่ม
REIT และ Property ปรับตัวสูงขึ้นจากผลประกอบการไตรมาส
4 ที่แข็งแกร่ง ตลาดหุ้นประเทศเวียดนาม VNI Index ปรับตัวขึ้นโดดเด่น
6.02% MoM ซึ่งหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่ม Healthcare
Utilities Materials และ Real Estate ปรับตัวขึ้นมากกว่าตลาด
โดยเป็นแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติ (101 ล้านเหรียญสหรัฐในเดือนกุมภาพันธ์)
ภายหลังตลาดหุ้นเวียดนาม Laggard ตลาดอื่นในภูมิภาค
สถานการณ์ตลาดหุ้นในอาเซียน
กองทุนเปิดเค อาเซียน อีโคโนมิค คอมมูนิตี้ หุ้นทุน (K-AEC)
ผลการดำเนินงาน
ในเดือนที่ผ่านมากองทุนมีผลการดำเนินงานสูงกว่า Benchmark อยู่ 0.68% โดยกองทุนได้รับผลบวกจากการลงทุนในประเทศเวียดนามซึ่งตลาดปรับตัวขึ้นมากกว่าตลาดอื่นในภูมิภาค
และ Stock Selection ของหุ้นประเทศสิงคโปร์ที่
ขณะที่ได้รับผลกระทบเชิงลบจากการ Overweight ประเทศอินโดนีเซียจากแรงเทขายทำกำไรเนื่องจากตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นมากที่ผ่านมา
กลยุทธ์การลงทุน
โดยในปัจจุบันทางกองทุนยังคงลงทุนในประเทศมาเลเซียในสัดส่วนต่ำกว่า Benchmark เนื่องจากคาดการณ์ว่านโยบายการบริหารประเทศของรัฐบาลชุดใหม่จะยังคงส่งผลเชิงลบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในบางกลุ่ม
โดยเฉพาะบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาล (Government-Linked Companies:
GLC) และราคาน้ำมันโลกที่อยู่ในระดับต่ำ
และยังให้น้ำหนักการลงทุนในประเทศอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ในสัดส่วนสูงกว่า Benchmark
เนื่องจากมุมมองเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ
อย่างไรก็ตามทางกองทุนได้ทยอยทำกำไรบางส่วนเพื่อเพิ่มสัดส่วนการถือครองเงินสด
หลังจากที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างสูงในระยะสั้น
สำหรับรายกลุ่มอุตสาหกรรมที่ทางกองทุนให้น้ำหนักการลงทุนมากที่สุด 3 อันดับแรก
คือ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มอุปโภคบริโภค
มุมมองในอนาคต
คาดว่าตลาดหุ้นอาเซียนยังคงเผชิญกับปัจจัยภายนอกเป็นหลัก เช่น
ความไม่แน่นอนเรื่องข้อสรุปมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน
ความผันผวนของค่าเงินในภูมิภาคกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่
และความกังวลของเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอลง ขณะที่เรามีมุมมองเป็นบวกในประเทศอินโดนีเซีย
ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ซึ่งผลักดันโดยการบริโภคในประเทศที่ยังเจริญเติบโตได้
ตลอดจนมี Valuation
ที่เหมาะสม อย่างไรก็ดียังคงมุมมองระมัดระวังในประเทศมาเลเซีย
เนื่องจากความไม่แน่นอนของนโยบายภาครัฐฯ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
กองทุนป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน เนื่องจากกองทุนไม่ได้อาจไม่ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราเต็มจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ l เนื่องจากกองทุนลงทุนในหุ้นเฉพาะภูมิภาค จึงมีความเสี่ยงและมีราคาผันผวนสูงกว่ากองทุนรวมที่มีการกระจายการลงทุนหลายภูมิภาค l ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 02-6733888 หรือ www.kasikornasset.com
ข้อมูลจัดทำ ณ วันที่ 15 มีนาคม 2562 โดยฝ่ายจัดการกองทุนตราสารทุน บลจ.กสิกรไทย