3/15/2019

​​ภาพรวมการลงทุน

          ในเดือนที่ผ่านมานักลงทุนจับตาสถานการณ์ความคืบหน้าการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนซึ่งมีท่าทีพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นเป็นปัจจัยบวกสนันสนุนการลงทุนทั่วโลก ด้านผลการประชุม FED มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาด ค่าเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวในกรอบแคบ ด้านราคาน้ำมันดิบโลก (WTI) สามารถยืนเหนือระดับ USD50/bbl ได้ตลอดทั้งเดือนจากการลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปก แม้ว่าภายหลังประธานาธิบดีทรัมป์ออกมากล่าวถึงราคาน้ำมันที่สูงเกินไปกดดันราคาน้ำมันดิบโลก สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอินเดียและปากีสถานทำให้นักลงทุนกลับมาจับตาดูความเสี่ยงมากขึ้น โดยในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประกาศเลื่อนเส้นตายการขึ้นภาษีสินค้าของจีนจากเดิมในวันที่ 1 มี.ค. ออกไป ในเดือนนี้ตลาดหุ้นในภูมิภาคอาเซียนปรับตัวไม่มีทิศทางที่ชัดเจน ขณะที่ค่าเงินในภูมิภาคอาเซียนเทียบกับดอลลาร์สหรัฐส่วนใหญ่อ่อนค่าลงขึ้น (ยกเว้นฟิลิปปินส์เปโซและมาเลเซียริงกิต)

          ในเดือนกุมภาพันธ์ SET Index ปรับตัวขึ้น 0.72% MoM นำโดยหุ้นกลุ่มสื่อสาร ปิโตรเคมี Rebound กลับมาจากแรงเทขายในเดือนก่อนหน้า โดยในระหว่างเดือนตลาดมีความผันผวนเนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมือง ตลอดจนตัวเลขขาดดุลการค้าเดือนมกราคม ส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง 0.87% MoM ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย JCI Index ปรับตัวลง 1.37% MoM นำโดยหุ้นกลุ่ม Consumers Discretionary และ Materials  ค่าเงินรูเปียห์พลิกกลับมาอ่อนค่า 0.68% MoM หลังจากที่แข็งค่าขึ้นก่อนหน้า โดยธนาคารกลางแห่งประเทศอินโดนีเซียคงอัตราดอกเบี้ยที่ 6.00% ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ PCOMP Index ปรับตัวลง 3.77% MoM โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการไตรมาส 4 ที่ออกมาค่อนข้างน่าผิดหวัง โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่มีการตั้งสำรองสูงกว่าที่ตลาดคาด ตลาดหุ้นมาเลเซีย FTSE BURSA Index ปรับตัวขึ้น 1.44% MoM โดยหุ้นกลุ่ม Energy และ Materials ปรับตัวสูงขึ้นจากราคาน้ำมันดิบโลก Rebound ตลาดหุ้นสิงคโปร์ STI ปรับตัวขึ้น 0.71% MoM โดยหุ้นกลุ่ม REIT และ Property ปรับตัวสูงขึ้นจากผลประกอบการไตรมาส 4 ที่แข็งแกร่ง ตลาดหุ้นประเทศเวียดนาม VNI Index ปรับตัวขึ้นโดดเด่น 6.02% MoM ซึ่งหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่ม Healthcare Utilities Materials และ Real Estate ปรับตัวขึ้นมากกว่าตลาด โดยเป็นแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติ (101 ล้านเหรียญสหรัฐในเดือนกุมภาพันธ์) ภายหลังตลาดหุ้นเวียดนาม Laggard ตลาดอื่นในภูมิภาค


สถานการณ์ตลาดหุ้นในอาเซียน


กองทุนเปิดเค อาเซียน อีโคโนมิค คอมมูนิตี้ หุ้นทุน (K-AEC)

ผลการดำเนินงาน​​

          ในเดือนที่ผ่านมากองทุนมีผลการดำเนินงานสูงกว่า Benchmark อยู่ 0.68% โดยกองทุนได้รับผลบวกจากการลงทุนในประเทศเวียดนามซึ่งตลาดปรับตัวขึ้นมากกว่าตลาดอื่นในภูมิภาค และ Stock Selection ของหุ้นประเทศสิงคโปร์ที่ ขณะที่ได้รับผลกระทบเชิงลบจากการ Overweight ประเทศอินโดนีเซียจากแรงเทขายทำกำไรเนื่องจากตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นมากที่ผ่านมา

กลยุทธ์การลงทุน

          โดยในปัจจุบันทางกองทุนยังคงลงทุนในประเทศมาเลเซียในสัดส่วนต่ำกว่า Benchmark เนื่องจากคาดการณ์ว่านโยบายการบริหารประเทศของรัฐบาลชุดใหม่จะยังคงส่งผลเชิงลบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในบางกลุ่ม โดยเฉพาะบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาล (Government-Linked Companies: GLC) และราคาน้ำมันโลกที่อยู่ในระดับต่ำ และยังให้น้ำหนักการลงทุนในประเทศอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ในสัดส่วนสูงกว่า Benchmark เนื่องจากมุมมองเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ อย่างไรก็ตามทางกองทุนได้ทยอยทำกำไรบางส่วนเพื่อเพิ่มสัดส่วนการถือครองเงินสด หลังจากที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างสูงในระยะสั้น

          สำหรับรายกลุ่มอุตสาหกรรมที่ทางกองทุนให้น้ำหนักการลงทุนมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มอุปโภคบริโภค

มุมมองในอนาคต

          คาดว่าตลาดหุ้นอาเซียนยังคงเผชิญกับปัจจัยภายนอกเป็นหลัก เช่น ความไม่แน่นอนเรื่องข้อสรุปมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ความผันผวนของค่าเงินในภูมิภาคกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ และความกังวลของเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอลง ขณะที่เรามีมุมมองเป็นบวกในประเทศอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ซึ่งผลักดันโดยการบริโภคในประเทศที่ยังเจริญเติบโตได้ ตลอดจนมี Valuation ที่เหมาะสม อย่างไรก็ดียังคงมุมมองระมัดระวังในประเทศมาเลเซีย เนื่องจากความไม่แน่นอนของนโยบายภาครัฐฯ


​----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

กองทุนป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน เนื่องจากกองทุนไม่ได้อาจไม่ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราเต็มจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ l เนื่องจากกองทุนลงทุนในหุ้นเฉพาะภูมิภาค จึงมีความเสี่ยงและมีราคาผันผวนสูงกว่ากองทุนรวมที่มีการกระจายการลงทุนหลายภูมิภาค l ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต


ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน 
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 02-6733888 หรือ ​www.kasikornasset.com
ข้อมูลจัดทำ ณ วันที่ 15 มีนาคม 2562​ โดยฝ่ายจัดการกองทุนตราสารทุน บลจ.กสิกรไทย
Yes
3/15/2019