มาตรการภาษีล่าสุดของสหรัฐฯ ต่ออินเดีย (เริ่มมีผล 1 ส.ค. 2025)

• สหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีนำเข้า 25% กับสินค้าจากอินเดีย โดยให้เหตุผลว่าอินเดียมีการจัดเก็บภาษีในระดับสูง และใช้นโยบายกีดกันทางการค้าอย่างเข้มงวด

• กลุ่มสินค้าหลักที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ ได้แก่ เสื้อผ้า ยานยนต์ อะไหล่รถยนต์ เหล็กกล้า เคมีภัณฑ์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์

• สหรัฐฯ เดินหน้ามาตรการดังกล่าว หลังอินเดียไม่ตอบรับข้อเสนอเกี่ยวกับการเปิดตลาดสินค้าเกษตร ดิจิทัล และพลังงาน

• ผลกระทบต่อ GDP อินเดียคาดว่าจะอยู่ในช่วง -0.3% ถึง -0.7% หากมาตรการครอบคลุมในวงกว้าง

• ผลกระทบต่อกำไรของบริษัทในกลุ่มส่งออก โดยเฉพาะ เสื้อผ้า อะไหล่รถยนต์ เหล็ก และเคมีภัณฑ์เฉพาะทาง จะได้รับผลกระทบโดยตรง

• ในทางกลับกัน กลุ่มธุรกิจที่พึ่งพารายได้ภายในประเทศสูง เช่น Consumer, IT Services และ Banking จะได้รับผลกระทบจำกัด​

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการย้ายฐานการผลิตจากจีนมายังอินเดียของบริษัทในสหรัฐฯ (เช่น Apple) ยังคงดำเนินต่อไป โดยได้รับแรงสนับสนุนจากขนาดตลาดภายในประเทศที่ใหญ่และต้นทุนการผลิตที่ต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ

K-INDIA กองทุนหุ้นอินเดีย เน้นลงทุนในหุ้นอินเดียที่มีคุณภาพดี เติบโตสูง และไม่จำกัดโอกาสการลงทุนในหุ้นขนาดกลาง-เล็ก

ทั้งนี้ KAsset ยังคงมุมมอง “Overweight” ต่อตลาดหุ้นอินเดีย แม้อัตราภาษีที่ประกาศล่าสุดจะอยู่ที่ 25% ใกล้เคียงกับช่วงที่เคยประกาศวัน Liberation Day ที่ 26% แต่อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจอินเดียในระดับจำกัด 

เนื่องจากอินเดียการพึ่งพึงรายได้ในประเทศเป็นหลัก โดย GDP ขยายตัวในระดับ 5.5–6.5% รัฐบาลยังเดินหน้าลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำกว่ากรอบเป้าหมาย และมีแนวโน้มที่ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) จะลดดอกเบี้ยได้อีก 1 ครั้งในครึ่งปีหลัง (หลังลดมาแล้ว 100 bps)

ด้านมูลค่าตลาด (Valuation) หุ้นอินเดียอยู่ในระดับใกล้เคียงค่าเฉลี่ย 5 ปี หากมีพัฒนาการเชิงบวกในการเจรจาการค้า ตลาดหุ้นอินเดียก็มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้