สรุปผลกระทบต่อการลงทุน หลังศาลฯมีมติให้ คุณแพทองธาร 'พ้นจากตำแหน่งนายกฯ'
เศรษฐกิจไทยเผชิญ 'ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น'
• คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญทำให้ความไม่แน่นอนทางการเมืองเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทย โดยหากการเสนอนายกฯ และการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ล่าช้า การเบิกจ่ายงบประมาณและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจะล่าช้าออกไป
• ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดเศรษฐกิจไทยในครึ่งหลังจะชะลอตัวกว่าครึ่งปีแรก และคาด GDP ปีนี้จะเติบโตที่ 1.5% อย่างไรก็ดี นโยบายการเงินที่ยังผ่อนคลายน่าจะช่วยประคองเศรษกิจได้ระดับหนึ่งในช่วงที่นโยบายการคลังอาจมีการสะดุด นอกจากนี้ การที่ร่างงบประมาณปี 2569 ยังสามารถเสนอสภาเพื่อพิจารณาต่อไปได้ ทำให้คาดการณ์การเบิกจ่ายงบประมาณปี 2569 ไม่ได้สะดุดเหมือนของงบประมาณปี 2567
มุมมองต่อ ตลาดหุ้นไทย
• จากสถิติในอดีตปี 2556 และปี 2566 ที่มีการยุบสภาและนำไปสู่การเลือกตั้ง ตลาดหุ้นไทยจะมีการปรับตัวลงประมาณ 5-10% ก่อนที่จะปรับตัวขึ้นประมาณ 5% ภายหลังผ่านวันเลือกตั้งไป
• ด้านปัจจัยพื้นฐาน กำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสที่ 2/2568 ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาด 10.5% โดยเติบโต 31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า การปรับประมาณการกำไรลงเริ่มเบาบาง คาดว่า Downside นับจากนี้มีจำกัด โดยปัจจุบัน consensus คาดการณ์การเติบโตของ EPS ในปีนี้ที่ 17.6% ประกอบกับ Valuation ตลาดยังอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต โดย SET Index ที่ 1236 จุด คิดเป็น 12 Month Forward P/E ที่ 13.6 หรือประมาณ -1SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี ที่ 15.21x
คำแนะนำการลงทุน ตลาดหุ้นไทย
KAsset ยังคงมุมมองตลาดหุ้นไทยเป็น Neutral แนะนำจัดพอร์ตเน้นการลงทุนในหุ้นปันผลสูง เนื่องจากมีผลประกอบการแข็งแกร่ง ไม่ได้พึ่งพิงนโยบายภาครัฐ และมีโอกาสให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ โดย Dividend Yield ของ SETHD Index สูงถึง 7% เหมาะกับสภาวะที่ตลาดมีความไม่แน่นอนสูง โดยปัจจัยที่ต้องติดตามหลักคือความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ และแนวโน้มผลประกอบการช่วงครึ่งปีหลัง
มุมมองตลาดตราสารหนี้
KAsset ยังคงมุมมองว่า กนง. มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้อีก 1-2 ครั้ง สู่ระดับ 1.00-1.25% ในปีนี้ หากเศรษฐกิจมีสัญญาณชะลอตัวเพิ่มเติมในระยะข้างหน้า ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อการลงทุนในตราสารหนี้
กองทุนแนะนำ
• K-VALUE เน้นลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด
• K-SF ลงทุนระยะสั้น 1-3 เดือน สำหรับพักเงินช่วงตลาดผันผวน
• K-SFPLUS ลงทุนระยะสั้น 3-6 เดือน สำหรับพักเงินช่วงตลาดผันผวน
• K-FIXED ลงทุนอย่างน้อย 1-1.5 ปี กองทุนตราสารหนี้ระยะกลางถึงยาว ดูเรชั่น 2-4 ปี ลงทุนในไทยเท่านั้น
• K-FIXEDPLUS ลงทุนอย่างน้อย 1-1.5 ปี กองทุนตราสารหนี้ระยะกลาง-ยาว ดูเรชั่น 2-4 ปี ลงทุนทั้งในไทยและต่างประเทศ
• K-GDBOND กระจายการลงทุนในตราสารหนี้หลายประเภททั่วโลก ปรับพอร์ตได้อย่างยืดหยุ่นตามสภาวะตลาด