
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดเช้าร่วงเกือบ 5% (2 ส.ค. 2567)
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลงนำตลาดอื่นๆ โดยดัชนี Nikkei -4.89% และ TOPIX -4.66% ในช่วงเช้าของวันที่ 2 ส.ค. นี้ โดยความกังวลหลักๆมาจากเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐฯจะถดถอย และ BoJ เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย กดดันเงินเยนแข็งค่า
ความกังวลเรื่อง เศรษฐกิจสหรัฐฯจะถดถอย
นักลงทุนต่างชาติเทขายพร้อมกับตลาดหุ้นทั่วโลก (ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปรับตัวลง -1.4% และ -2.3% ในวันที่ 1 ส.ค.) เป็นการเทขายหลังจากที่ตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ ISM Manufacturing PMI ของเดือนก.ค. ประกาศออกมาน้อยกว่าที่ตลาดคาด และเป็นการปรับตัวลงที่มากกว่าเดือนก่อนหน้าค่อนข้างมาก
หุ้นชิป และเซมิคอนดักเตอร์ ปรับตัวลง
ตัวเลขที่ปรับลดลงมานี้ มาจากดัชนี the Manufacturing Employment Index ซึ่งปรับตัวลงถึง 6 จุดและทำให้ดัชนีโดยรวมอยู่ที่ 43.4 ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มเกิดความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอยกลับมาอีกครั้ง
ดังนั้น ถ้าดูจากตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืน (1 ส.ค.) หุ้นส่วนใหญ่ที่ปรับตัวลงจะเป็นหุ้นที่เกี่ยวกับการผลิต ชิป เซมิคอนดักเตอร์ จากความกังวลในเรื่องของเศรษฐกิจถดถอย ที่จะทำให้บริษัทต่างๆ ชะลอการลงทุน สร้าง sentiment ในเชิงลบแก่ตลาดหุ้นทั่วโลกและเอเชีย โดยเฉพาะประเทศที่มีการผลิตชิป อุปกรณ์อิเลกโทรนิค อย่างเช่นญี่ปุ่น ไต้หวัน และเกาหลี
BoJ เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย กดดันเงินเยนแข็งค่า
การที่ BoJ มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย (31 ก.ค.) สู่ระดับ 0.25% จากระดับ 0% ถึง 0.1% และมีแผนการลดการซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นจากปัจจุบัน 5.7 ล้านล้านเยน มาอยู่ที่ 3 ล้านล้านเยน เป็นการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวด และทิศทางตรงกันข้ามกับประเทศอื่นๆ ที่เริ่มมีการผ่อนคลายนโยบาย
การดำเนินนโยบายเช่นนี้ จะสร้างความผันผวนให้กับค่าเงินเยน โดยหลังจากที่ BoJ ปรับขึ้นดอกเบี้ย ค่าเงินเยนแข็งขึ้นมาอยู่ที่150 เยนต่อดอลลาร์ และมีแนวโน้มที่เยนจะแข็งขึ้นมากกว่านี้ หากนโยบายเข้มงวดขึ้น จะเป็นปัจจัยลบต่อบริษัทส่วนใหญ่ของญี่ปุ่นที่เน้นการส่งออก
มุมมองการลงทุน
บลจ.กสิกรไทย ยังคงคำแนะนำ “Underweight" ไม่แนะนำให้ลงทุนในหุ้นญี่ปุ่น
ทั้งนี้ หากผู้ลงทุนอยากมีสัดส่วนในหุ้นเอเชีย แนะนำ K-INDIA และ K-VIETNAM ที่ผู้จัดการกองทุนมีมุมมองเป็นบวกมากกว่า
คำเตือน ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน โดยศึกษานโยบายกองทุนและความเสี่ยงได้ที่ www.kasikornasset.com กองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
ที่มา: KAsset Investment Strategy บลจ.กสิกรไทย
ข้อมูล ณ วันที่ 2 สิงหาคม 2567
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
มุมมองต่อหุ้นเทคฯ สหรัฐฯ และปัจจัยอื่นๆ >>Click
Fed และ กนง. คงดอกเบี้ยตามคาด >>Click
ECB ลดดอกเบี้ยครั้งแรก ในรอบ 5 ปี >>Click
จัดพอร์ต Core-Satellite ไม่ใช่เรื่องยาก >>Click