8/5/2024

ขยะอาหาร (Food Waste) ปัญหาที่ถูกมองข้าม ของไทย?


HIGHLIGHTS :

• แต่ละปีทั่วโลกมีอาหารที่ถูกทิ้งออกจากห่วงโซ่อาหารของมนุษย์ มูลค่ากว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

• ประเทศไทยสร้างขยะอาหาร สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกและอยู่ในระดับเดียวกันกับประเทศเพื่อนบ้าน

• การจัดการขยะอาหารในไทยเป็นปัญหาที่น่ากังวล จากบทบาทของภาคธุรกิจและประชาชนที่ยังมีน้อย

 

Food Waste ปัญหาระดับโลกที่สำคัญ​

ขยะอาหาร (Food Waste) ถือเป็นหนึ่งในปัญหาระดับโลกที่สำคัญ ซึ่งแสดงถึงความล้มเหลวของตลาดในการจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ โดยแต่ละปีทั่วโลกมีอาหารที่ถูกทิ้งออกจากห่วงโซ่อาหารของมนุษย์ เช่น อาหารที่กินไม่หมด อาหารที่หมดอายุ และเศษผักที่ใช้ตกแต่งจาน มูลค่ากว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

แนวโน้มที่น่าตกใจนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความไม่มีประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังสร้างความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม เนื่องจากการสูญเสียอาหารและขยะอาหารก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 8-10% จากก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด ตามรายงาน Food Waste Index 2024 ของ UNEP

 

ประเทศไทยสร้างขยะอาหาร แซงค่าเฉลี่ยโลก!!

จากรูปภาพที่ 1 ปีนี้ Food Waste Index 2024 ประมาณไว้ว่าค่าเฉลี่ยขยะอาหารของโลกเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 79 กิโลกรัมต่อคนต่อปี (จากเดิม 74 กิโลกรัมต่อคนต่อปี เทียบกับการประเมินของครั้งล่าสุดที่ผ่านมาใน Food Waste Index 2021) ขณะที่ประเทศไทยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 86 กิโลกรัมต่อคนต่อปี (จากเดิม 79 กิโลกรัมต่อคนต่อปี) สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกและอยู่ในระดับเดียวกันกับประเทศเพื่อนบ้าน

 

สถานการณ์นี้ท้าทายอย่างยิ่งต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน SDG 12.3 ที่ต้องการลดปริมาณขยะอาหารลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2573 (ค.ศ. 2030) และยังกระทบต่อข้อตกลงปารีสในการควบคุมอุณหภูมิของโลก ซึ่งทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง

 

รูปภาพที่ 1 ค่าเฉลี่ยปริมาณการสร้างขยะอาหารของไทยเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน และแซงหน้าค่าเฉลี่ยโลก

 food-waste-index2024.png

ที่มา: เว็บไซต์ UNEP​


ขยะอาหาร ปัญหาที่ถูกมองข้าม ของประเทศไทย?   

กรมควบคุมมลพิษ เผยแพร่รายงานสถานการณ์ขยะและสถานการณ์มลพิษในไทย ฉบับล่าสุดปี 2566 พบว่า ประเทศไทยมีปริมาณขยะมูลฝอยพุ่งสูงถึง 26.95 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 5% เนื่องจากกลับเข้าสู่ภาวะปกติหลังจากวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการเปิดประเทศเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว แรงงาน และการลงทุน ทั้งนี้ ขยะอาหารถูกพบเป็นสัดส่วนหลักของขยะมูลฝอย ประมาณ 10.24 ล้านตัน หรือกว่า 38% อนึ่ง สัดส่วนนี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงมากนักจากข้อมูลผลสำรวจล่าสุดในปี 2564 ดังรูปภาพที่ 2

 

รูปภาพที่ 2 สัดส่วนของขยะอาหารคิดเป็น 38.76% ในขยะมูลฝอยของไทยในปี 2564

 food-waste-2.png

​ที่มา: เว็บไซต์ กรมควบคุมมลพิษ

 

การจัดการขยะอาหาร ยังคงเป็นปัญหาที่น่ากังวล

ขยะอาหารแบ่งเป็นส่วนที่รับประทานได้ 40% และส่วนที่รับประทานไม่ได้ 60% โดยพบมากที่สุดในครัวเรือน เช่น เปลือกผลไม้ นอกจากนี้ยังพบในร้านค้าและร้านอาหาร ซึ่งมีทั้งเศษจากการตัดแต่งอาหาร อาหารเน่าเสีย อาหารที่ขายไม่หมด และอาหารเหลือทิ้งจากลูกค้า ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการจัดการขยะอาหารที่ยังคงมีอยู่

 

กรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่าสาเหตุที่เป็นเช่นนี้มาจาก 2 ส่วนหลัก ได้แก่

1) ประชาชนยังไม่ตระหนักถึงการป้องกัน การคัดแยก และการจัดการขยะอาหารตั้งแต่ต้นทาง และ

2) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นส่วนใหญ่ยังไม่มีการวางระบบคัดแยกขยะ กระทบต่อการนำขยะไปใช้ประโยชน์และการกำจัดที่ปลายทาง เช่น กลิ่นเหม็น สัตว์และแมลงรบกวน และเกิดก๊าซเรือนกระจก

 

ภาครัฐยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้นจัดการขยะอาหาร ขณะที่บทบาทของภาคธุรกิจและประชาชนยังน้อย

ประเทศไทยมีกรอบและทิศทางในการดำเนินงานจัดการขยะอาหารตามแผนที่นำทางการจัดการขยะอาหาร (ปี 2566-2573) และแผนปฏิบัติด้านการจัดการขยะอาหาร ระยะที่ 1 (ปี 2566-2570) ซึ่งกรมควบคุมมลพิษเป็นผู้จัดทำและอนุมัติจากคณะกรรมการอาหารแห่งชาติเมื่อต้นปี 2567 โดยตั้งเป้าหมายลดสัดส่วนขยะอาหารในขยะมูลฝอยลงให้เหลือไม่เกิน 28% ภายในปี 2570 (เทียบกับปีฐานคือปี 2564 ที่มีสัดส่วนขยะอาหาร 38.76% หรือ 39% โดยประมาณ)

 

ตามแผนประกอบด้วย 3 มาตรการหลัก ได้แก่

  1. การป้องกันและลดการเกิดขยะอาหารในกลุ่มผู้จำหน่ายและผู้ประกอบการเกี่ยวกับอาหาร ผู้บริโภค และการจัดการอาหารส่วนเกิน
  2. การจัดการและใช้ประโยชน์จากขยะอาหาร
  3. การพัฒนาเครื่องมือจัดการอาหารส่วนเกินและขยะอาหาร รวมถึงจัดทำข้อเสนอรูปแบบการคัดแยกและเก็บขยะมูลฝอยให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเป็นแนวทางดำเนินงาน

 

แนวปฏิบัติที่ดีในการป้องกันและลดขยะอาหาร

ภาครัฐยังได้ร่วมมือกันขับเคลื่อนการจัดการขยะอาหารตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง โดยกรมควบคุมมลพิษ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ได้ร่วมมือกันจัดทำแนวปฏิบัติที่ดีในการป้องกันและลดขยะอาหาร รวมถึงการนำไปใช้ประโยชน์ โดยมุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของประชาชนและผู้ประกอบการ นอกจากนี้ เมื่อ 28 มิถุนายน 2566 ยังได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อส่งเสริมการบริจาคอาหารส่วนเกินจากธุรกิจจำหน่ายอาหารให้กับผู้ด้อยโอกาส และจัดทำร่างแนวทางความปลอดภัยและวิธีการบริจาคอาหารส่วนเกิน เพื่อให้การบริจาคอาหารไม่ขัดต่อข้อกำหนดของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

 

โครงการถังขยะเปียกลดโลกร้อน

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงมหาดไทย ได้ลงนามความร่วมเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2566 เพื่อขับเคลื่อนการจัดการขยะอาหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีการจัดทำโครงการถังขยะเปียกลดโลกร้อน การคัดแยกและเก็บขนขยะมูลฝอยแบบแยกประเภท รวมถึงพัฒนากลไกสนับสนุนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนและปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง

 

จะเห็นได้ว่า ปัจจุบันแผนการขับเคลื่อนการจัดการขยะอาหารของภาครัฐอยู่ในช่วงเริ่มต้น ซึ่งบทบาทของภาคธุรกิจและประชาชนยังมีส่วนร่วมน้อยจึงควรมีการส่งเสริมความร่วมมือกับภาครัฐเพิ่มขึ้น และควรมีการวางแผนนำโครงการที่ประสบความสำเร็จไปขยายผลในพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศ ส่งเสริมการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีช่วยการผลิตอาหารที่ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและลดขยะอาหาร รวมถึงสร้างระบบที่สามารถติดตามความก้าวหน้าและประสิทธิผลของมาตรการต่าง ๆ เพิ่มเติม

 

แนวทางการสร้างความร่วมมือเพื่อลดขยะอาหาร ด้วย PPP โมเดล (Public-Private Partnership)

งานศึกษาของ Flanagan, Robertson and Hanson ได้นำเสนอ PPP โมเดล เพื่อสร้างร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจและประชาชนในการลดอาหารส่วนเกินและขยะอาหาร ด้วยแนวทาง “Target-Measure-Act" ได้แก่ กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน วัดและติดตามผลการดำเนินงานเมื่อเวลาผ่านไป และปรับปรุงแก้ไขให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

ทั้งนี้ UNEP ได้ให้รายละเอียดแนวทางการนำ PPP โมเดลไปปรับใช้เพิ่มเติม ดังนี้  

  1. สร้างระบบและความร่วมมือ ให้เข้าถึงง่าย เพื่อทราบและติดตามปัญหาการจัดการขยะอาหาร
  2. เปิดพื้นที่ ให้หลายภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงร่วมกัน
  3. ส่งเสริมนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อลดและจัดการอาหารส่วนเกิน
  4. เพิ่มความเข้าใจและแสวงหาโอกาส จากกรณีศึกษา เพื่อป้องกันการเกิดขยะอาหาร
  5. ติดตามความคืบหน้าและเป้าหมายที่ตั้งไว้ มีการรายงานข้อมูลและตัวชี้วัด เพื่อประเมินประสิทธิภาพการลดขยะอาหาร และสร้างความรับผิดชอบร่วมกันในทุกภาคส่วน

 

โมเดลนี้ถูกออกแบบมาเพื่อส่งเสริมให้เกิดการปรับปรุงกระบวนการอย่างต่อเนื่องและทบทวนเป็นระยะ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าผลกระทบเชิงบวกเกิดสูงสุด

 

สร้างความตระหนักรู้และการมีส่วนร่วมกุญแจสำคัญในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน

ปัญหาขยะอาหารเป็นปัญหาระดับโลกที่ต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ แต่ยังมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเป้าหมายลดโลกร้อน ซึ่งประเทศไทยเองก็กำลังเผชิญกับความท้าทายและการดำเนินงานยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แม้จะมีเป้าหมาย แผน และมาตรการส่งเสริม รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้แจากภาครัฐ แต่การจัดการขยะอาหารยังคงต้องการการบูรณาการและการสนับสนุนจากภาคเอกชนและประชาชนร่วมด้วย เพื่อให้เกิดผลสำเร็จอย่างแท้จริง ซึ่งการดำเนินการร่วมกันจากทุกภาคส่วนนี้เป็นสิ่งจำเป็นอันนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

 

ลงทุนเพื่อความยั่งยืนไปกับ บลจ.กสิกรไทย ผ่านกองทุน ESG แนะนำ   

1.กองทุนประเภท Thai ESG เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐเพื่อความยั่งยืน อย่างพันธบัตรไทย ที่มีความเสี่ยงต่ำ ยิ่งลงทุนยาว ยิ่งมีโอกาสรับผลตอบแทนมากขึ้น

เพื่อเซฟภาษี K-ESGSI-ThaiESG รายละเอียด >Click< 

 

2.เน้นลงทุนหุ้นไทย ที่มีเป้าหมายในการช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ ที่มาพร้อมกับโอกาสในการสร้างผลตอบแทน ให้ใกล้เคียงดัชนี SET100 เป็นหลัก

เพื่อสะสมมูลค่า K-TNZ-A(A) รายละเอียด >Click<

เพื่อเซฟภาษี K-TNZ-ThaiESG รายละเอียด >Click<

 

3.เน้นลงทุนเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Investment) ตามแนวคิด ESG และมีโอกาสเติบโต เช่น Tesla เพิ่มกำลังการผลิตและสร้างยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าสูงกว่าเป้าหมาย และ TSMC ผลิตและส่งออกชิปสู่อุตสาหกรรมไอทีทั่วโลก

เพื่อสะสมมูลค่า K-CHANGE-A(A) รายละเอียด >Click<

เพื่อเซฟภาษี K-CHANGE-SFF และ RMF รายละเอียด >Click<

 

4.กองทุนแรกในไทย ที่ลงทุนในหุ้นทั่วโลกที่ทำธุรกิจด้วยความยั่งยืน และที่สำคัญมีส่วนช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเน้นใน 3 ธีมหลักได้แก่ พลังงาน พื้นดิน-มหาสมุทร และวัสดุ ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันหรือช่วยลดปัญหา Climate Change

เพื่อสะสมมูลค่า K-PLANET-A(A) รายละเอียด >Click<

เพื่อเซฟภาษี K-PLANET-RMF รายละเอียด >Click<

 

สำหรับใครที่สนใจ ในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทน และช่วยเซฟโลกอย่างยั่งยืน ก็สามารถเริ่มลงทุนได้ที่แอปฯ K-My Funds

 

คำเตือน ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน โดยศึกษานโยบายกองทุนและความเสี่ยงได้ที่ www.kasikornasset.com

 

ที่มา: ฝ่ายจัดการลงทุนเพื่อความยั่งยืน

ข้อมูล ณ วันที่ 5 ส.ค. 2567 

 

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

วิกฤตสภาพอากาศ แผนพลังงานชาติต้องปรับ? >>Click

โลกร้อนขึ้น ส่งผลต่อระบบนิเวศ อย่างไร? >>Click 

เป้าหมาย Net Zero ไทย ไม่ไกลเกินเอื้อม >>Click

ได้เวลาลงทุนด้าน Climate Change >> Click
โลกร้อนหลบไป โลกเดือดกำลังเข้ามาแทน >> Click


banner-sustainable.jpg

Yes
8/5/2024
none