สรุปการประชุมสองสภาของจีน
การประชุมสองสภาของจีนเปิดฉากขึ้น ในวันที่ 4 มี.ค. นี้ ซึ่งเป็นการประชุมสภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งประชาชนจีน (CPPCC)
ส่วนในวันที่ 5 มี.ค. จะเป็นการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) และคาดว่าจะปิดการประชุมประจำปีในวันที่ 11 มี.ค. โดยการประชุมนี้ถือเป็นงานประชุมทางการเมืองที่สำคัญที่สุดของจีน ซึ่งเป็นการกำหนดนโยบายหลักของประเทศสำหรับปี 2025
สรุปประเด็นที่สำคัญ
• จีนตั้งเป้า GDP โต 5% นับเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันที่จีนตั้งเป้าหมายนี้ สะท้อนถึงความพยายามของรัฐบาลในการรักษาเสถียรภาพของตลาดแรงงานและความเป็นอยู่ของประชาชน
• ขาดดุลงบประมาณสูงสุดในรอบ 30 ปี โดยตั้งไว้ที่ประมาณ 4% ของ GDP ในปี 2025 เพิ่มขึ้นจาก 3% ในปีที่แล้ว
• เป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2003
• อัตราว่างงาน เป้าหมาย 5.5% สร้างงานใหม่ 12 ล้านตำแหน่ง
• เดินหน้าเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะแก้ปัญหาการบริโภคที่อ่อนแอ ส่วนธนาคารกลางจีน (PBOC) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ย และลดปริมาณเงินสำรองของธนาคารพาณิชย์
• ยังคงเน้นการลงทุนในภาคเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ (AI) หลังจากที่ก่อนหน้านี้ สี จิ้นผิง ได้พบกับผู้นำภาคเทคโนโลยีเพื่อหารือแนวทางการพัฒนาภาคอุตสาหกรรม
ความท้าทายที่จีนกำลังเผชิญ
• สงครามการค้ากับสหรัฐฯ
• ภาวะเงินฝืด โดยอัตราเงินเฟ้อผู้บริโภค (CPI) ของจีนในช่วงสองปีที่ผ่านมามีค่าเฉลี่ยเพียง 0.2%
• ตลาดอสังหาริมทรัพย์ตกต่ำ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
มุมมองการลงทุน
การตั้งเป้าหมายในการประชุมปีนี้ ค่อนข้างเป็นไปตามที่ตลาดและเราคาด โดยรัฐบาลจีนยังเน้นความสำคัญของการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ เน้นการส่งเสริมเทคโนโลยีขั้นสูง โดยเฉพาะด้าน AI ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการกล่าวถึง AI models และเกิดขึ้นหลังจากกระแสโลกที่สนใจ startup AI ของจีน (DeepSeek)
ผลการประชุมสนับสนุนการปรับมุมมองการลงทุนของเราก่อนหน้านี้ โดยเราได้ปรับมุมมองหุ้นจีนขึ้นจาก Slightly Underweight เป็น Neutral จากแนวโน้มการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีของรัฐบาลจีนที่ชัดเจน และการเติบโตของกำไรในหุ้นกลุ่มเทคฯ
ทั้งนี้ KAsset มองว่า ในระยะสั้น ตลาดหุ้น H-shares น่าจะได้รับผลประโยชน์จากกระแส AI จากสัดส่วน software tech ที่สูงกว่า อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวคาดว่าหุ้น A-shares ยังจะได้รับประโยชน์จากมาตรการสนับสนุนของรัฐบาล
คำแนะนำการลงทุน
KAsset แนะนำกองทุน
K-CHINA ที่มีการลงทุนในทั้งตลาด A-shares และ H-shares โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่ม Information Technology และ Communication services ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากการพัฒนาของ AI ดังกล่าว
'ทั้งนี้ นักลงทุนที่มีสัดส่วนหุ้นจีนน้อยกว่า 5% หรือยังไม่มี สามารถถือต่อหรือเข้าลงทุนเพื่อรับผลบวกจากการฟื้นตัวของหุ้นจีน'
สำหรับสำหรับนักลงทุนที่มีสัดส่วนหุ้นจีนในพอร์ตมากแล้ว แนะนำใช้โอกาสช่วงที่ตลาดปรับตัวขึ้น ทยอยลดสัดส่วนหุ้นจีนไปยังกองทุนรวมผสม
K-WealthPlus Series เพื่อกระจายความเสี่ยง
ที่มา: KAsset Investment Strategy บลจ.กสิกรไทย
ข้อมูล ณ วันที่ 5 มีนาคม 2025
ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน โดยศึกษานโยบายกองทุนและความเสี่ยงได้ที่ www.kasikornasset.com / กองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ 