รองประธานาธิบดีเจ.ดี. แวนซ์ ของสหรัฐฯ ได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนของรัฐบาลทรัมป์ ในการผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและอินเดียให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในศตวรรษที่ 21 โดยครอบคลุมมิติทั้งด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง พลังงาน และเทคโนโลยี ซึ่งจะนำไปสู่ความรุ่งเรืองร่วมกันของทั้งสองประเทศ
รองประธานาธิบดีแวนซ์ ได้เน้นว่า ยุคใหม่ของความสัมพันธ์สหรัฐฯ - อินเดีย จะไม่เหมือนในอดีตที่มาพร้อมกับการสั่งสอนหรือการครอบงำ แต่เป็นความร่วมมือที่เคารพกันและกัน เสมอภาค และมุ่งมั่นต่อเป้าหมายร่วม นั่นคือ การสร้างเศรษฐกิจที่มั่งคั่ง ความมั่นคงที่ยั่งยืน และอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม
ความร่วมมือที่ขับเคลื่อนด้วยผลประโยชน์ร่วมกัน มีดังนี้
1. การเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าและเศรษฐกิจ
ฝ่ายสหรัฐฯ มุ่งเน้นการเจรจาทางการค้าภายใต้หลักการ “ยุติธรรมและมีผลประโยชน์ร่วมกัน” ไม่ใช่เพียงเพื่อความได้เปรียบด้านตัวเลข แต่เพื่อสร้างระบบการค้าที่ส่งเสริมแรงงานทั้งสองประเทศ
• เป้าหมายใหญ่: ทั้งประธานาธิบดีทรัมป์และนายกรัฐมนตรีโมดี ตั้งเป้าที่จะเพิ่มมูลค่าการค้าทวิภาคีให้ทะลุ 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในสิ้นทศวรรษนี้
• การเจรจาเริ่มต้นแล้ว: มีการตกลงขอบเขตในการเจรจาการค้า โดยให้ความสำคัญกับการสร้างงานใหม่ ห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแรง และความมั่งคั่งที่ยั่งยืน
• การเข้าถึงตลาด: สหรัฐฯ ต้องการการเปิดตลาดอินเดียมากขึ้น โดยเห็นว่าการค้าเสรีแบบ “win-win” จะช่วยให้ประชาชนทั้งสองชาติได้ประโยชน์เต็มที่
ผลประโยชน์ที่จะได้ร่วมกัน
สหรัฐฯ: เปิดตลาดใหม่ให้กับแรงงานและสินค้าสหรัฐฯ บาลานซ์การค้าโลก และเสริมสร้างพันธมิตรเชิงเศรษฐกิจ
อินเดีย: ได้รับการลงทุน การจ้างงานใหม่ ความเข้มแข็งของห่วงโซ่อุปทาน และการเข้าถึงเทคโนโลยีการผลิตและการค้าระดับโลก
2. ความร่วมมือด้านกลาโหมที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
แวนซ์ชี้ว่า ความร่วมมือด้านกลาโหมระหว่างสหรัฐฯและอินเดีย เป็นหนึ่งในสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นที่สุดในระดับโลก
• การฝึกซ้อมร่วมกันถี่ที่สุด: อินเดียเป็นประเทศที่มีการซ้อมรบร่วมกับสหรัฐฯ บ่อยที่สุด
• โครงการใหม่: มีการประกาศ “US-India Compact” ในเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อร่วมผลิตอาวุธ เช่น จรวด Javelin และรถหุ้มเกราะ Striker
• พันธมิตรป้องกันหลัก: อินเดียได้รับการจัดให้เป็น “พันธมิตรทางทหารที่สำคัญ” เทียบเท่าประเทศพันธมิตรชั้นนำอื่นๆ
• การถ่ายโอนเทคโนโลยี: สหรัฐฯ พร้อมเปิดตลาดให้กับอุปกรณ์ไฮเทค เช่น เครื่องบิน F-35 ซึ่งจะเสริมศักยภาพการป้องกันทางอากาศของอินเดีย
ผลประโยชน์ที่จะได้ร่วมกัน
สหรัฐฯ: เสริมบทบาทในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก กระตุ้นเศรษฐกิจจากอุตสาหกรรมป้องกัน และเพิ่มความมั่นคงภูมิรัฐศาสตร์
อินเดีย: ได้รับเทคโนโลยีอาวุธล้ำสมัย เพิ่มขีดความสามารถในการป้องกัน และเสริมสถานะผู้นำภูมิภาค
3. การสร้างสายสัมพันธ์ด้านพลังงาน
อินเดียต้องการพลังงานอย่างมหาศาลเพื่อรองรับการเติบโต สหรัฐฯ จึงเสนอตัวเป็น “หุ้นส่วนพลังงานเชิงกลยุทธ์”
• “Drill baby drill”: สหรัฐฯ ต้องการส่งออกก๊าซธรรมชาติ น้ำมัน และแหล่งพลังงานอื่นๆ ไปยังอินเดีย
• ต้นทุนพลังงานต่ำลง: พลังงานสหรัฐฯจะช่วยให้อินเดียผลิตได้มากขึ้น เติบโตได้เร็วขึ้น และต้นทุนต่ำลง
• สนับสนุนการสำรวจภายในประเทศ: สหรัฐฯ พร้อมช่วยอินเดียสำรวจแหล่งก๊าซธรรมชาติและแร่หายากในประเทศ
ผลประโยชน์ที่จะได้ร่วมกัน
สหรัฐฯ: เปิดตลาดพลังงานขนาดใหญ่ใหม่ ส่งเสริมภาคพลังงานในประเทศ และเสริมสถานะทางภูมิรัฐศาสตร์
อินเดีย: มีพลังงานราคาถูก มั่นคง และหลากหลายมากขึ้น พร้อมขยายศักยภาพในการผลิตพลังงานของตนเอง
4. การร่วมมือทางเทคโนโลยี
สหรัฐฯ และอินเดียจะผลักดัน “US-India Trust Initiative” ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่เทคโนโลยีป้องกัน พลังงาน จนถึงเศรษฐกิจดิจิทัล
• การลงทุนจากสหรัฐฯ: บริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯวางแผนลงทุนในศูนย์ข้อมูล เวชภัณฑ์ และสายเคเบิลใต้ทะเลในอินเดีย
• สตาร์ทอัพอินเดีย – AI สหรัฐฯ: โครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีของอินเดีย เมื่อรวมกับฮาร์ดแวร์ AI ของสหรัฐฯ จะเปิดโอกาสทางนวัตกรรมอย่างมหาศาล
ผลประโยชน์ที่จะได้ร่วมกัน
สหรัฐฯ: เข้าถึงตลาดเทคโนโลยีเกิดใหม่ เร่งนวัตกรรม และเสริมความแกร่งในเวทีเทคโนโลยีโลก
อินเดีย: ได้รับการลงทุน เทคโนโลยีขั้นสูง และโอกาสสำหรับผู้ประกอบการรุ่นใหม่