5/18/2025

Moody's ปรับลดอันดับเครดิตสหรัฐฯ และให้มุมมองที่ Stable​

Moody's ปรับลดอันดับเครดิตของสหรัฐฯ เป็น Aa1 จาก Aaa และให้มุมมอง (Outlook) ที่ Stable

เหตุผลหลักมาจากหนี้ที่เพิ่มขึ้น
การเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของหนี้ภาครัฐ และภาระดอกเบี้ยจ่ายของรัฐบาล ขณะที่ยังมีแผนการใช้งบประมาณขาดดุลขนาดใหญ่ โดยยังไม่ได้มีแนวทางในการลดหนี้ในอนาคตที่ชัดเจน ทำให้คาดว่าระดับหนี้และภาระดอกเบี้ยของสหรัฐฯ จะยังเพิ่มขึ้น และสูงกว่าระดับที่ควรจะได้อันดับเครดิตสูงสุด (Moody's คาดหนี้ภาครัฐของสหรัฐฯ จะเพิ่มถึงระดับ 134% ของ GDP ในปี 2035)

ปรับ Outlook กลับมาเป็น Stable
หลังการปรับลดอันดับเครดิต Moody's ได้ปรับมุมมองกลับมาเป็น Stable จาก Negative สะท้อนว่าอันดับเครดิตในปัจจุบัน (Aa1) เหมาะสมกับสถานะปัจจุบันของประเทศที่ยังคงแข็งแกร่ง มีขนาดเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ความสามารถในการเติบโต สถานะของเงินดอลลาร์ที่ยังคงเป็นสกุลเงินหลักของโลก

ผลกระทบต่อตลาดการลงทุน ดังนี้
ตราสารหนี้
คาดผลกระทบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ มีจำกัดเนื่องจาก
• การปรับลดอันดับในครั้งนี้ไม่ได้เหนือคาดหมาย เนื่องจาก Moody's ปรับ Outlook ของสหรัฐฯ เป็น Negative ตั้งแต่เดือน พ.ย. 2023 และบริษัทจัดอันดับเครดิตอีก 2 เจ้า คือ S&P และ Fitch ปรับลดอันดับเครดิตของสหรัฐฯ มาอยู่ในระดับ AA+ แล้วตั้งแต่ปี 2011 และ 2023 ตามลำดับ
• อันดับเครดิตที่ได้รับในปัจจุบัน Aa1 ยังเป็นระดับสูง สะท้อนความสามารถในการชำระหนี้ที่ยังแข็งแกร่งของประเทศ พันธบัตรสหรัฐฯ จะยังคงมีสถานะเป็นตราสารปลอดภัยของนักลงทุน

ตลาดหุ้น
ตลาดหุ้นอาจผันผวนระยะสั้น เนื่องจากความกังวลด้านเสถียรภาพการคลัง คล้ายๆ กับที่เคยเกิดขึ้นในปี 2011 (S&P ลดอันดับความน่าเชื่อถือ) หรือในปี 2023 (Fitch ปรับลด) แต่เราคาดว่าตลาดหุ้นจะไม่ได้ปรับตัวลงเท่ากับอดีต

สินทรัพย์ปลอดภัย
นักลงทุนอาจ ย้ายเงินลงทุนจากสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น ไปยังสินทรัพย์ปลอดภัย (เช่น เงินเยนญี่ปุ่น ทองคำ)

ค่าเงินดอลลาร์
อาจอ่อนค่าลงบ้างในระยะสั้นๆ หากความเชื่อมั่นในฐานะ "Safe Haven" ของสหรัฐฯ ลดลง หากการปรับลดอันดับสะท้อนปัญหาโครงสร้างการคลังระยะยาว เช่น การขาดดุลงบประมาณถาวร และความไม่แน่นอนทางการเมือง อาจทำให้บางประเทศเริ่มพิจารณาการ ลดการถือครองดอลลาร์ในทุนสำรองระหว่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม หลายองค์กรจัดอันดับ ยังมองว่า พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ มีความน่าเชื่อถือสูง เนื่องจาก สภาพคล่องสูงสุดและมีบทบาทในระบบการเงินโลก

คำแนะนำการลงทุน
• นักลงทุนควรจับตาดูระดับหนี้สาธารณะสหรัฐฯ และนโยบายการคลัง เป็นปัจจัยเสี่ยงเชิงโครงสร้างระยะยาว
• ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนจากเหตุการณ์ลดอันดับเครดิต อาจเกิดทำให้เกิดโอกาสในการเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ราคาปรับตัวลงเกินจริง

"เรายังคงแนะนำกระจายพอร์ตการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์และประเทศ เพื่อลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ด้านภูมิรัฐศาสตร์หรือการคลังของประเทศมหาอำนาจ"

กองทุนผสมที่ KAsset แนะนำ
• K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP และ K-WPULTIMATE กระจายการลงทุนในหลายสินทรัพย์ทั่วโลก ทยอยสะสมได้

กองทุนตราสารหนี้ที่ KAsset แนะนำ
• K-SF ลงทุนระยะสั้น 1-3 เดือน 
สำหรับผู้ที่ยังไม่ต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงและอยากพักเงินระยะสั้น เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนมากกว่าเงินฝาก

• K-SFPLUS ลงทุนระยะสั้น 3-6 เดือน 
เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น ผ่านการลงทุนในต่างประเทศ

• K-FIXEDPLUS ลงทุนอย่างน้อย 1-1.5 ปี 
กองทุนตราสารหนี้ระยะกลาง-ยาว ดูเรชั่น 2-4 ปี ที่ลงทุนทั้งในไทยและต่างประเทศ

• K-FIXED ลงทุนอย่างน้อย 1-1.5 ปี 
กองทุนตราสารหนี้ระยะกลางถึงยาว ดูเรชั่น 2-4 ปี ลงทุนในไทยเท่านั้น (Morningstar 4 ดาว ณ 30 เม.ย. 2025)​


ที่มา: KAsset Investment Strategy บลจ.กสิกรไทย 

ข้อมูล ณ 17 พฤษภาคม 2025

คำเตือน ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน


Yes
5/18/2025
0
situation