KAsset มองนโยบายภาษีนำเข้าจะสร้างความไม่แน่นอนต่อไป การจัดพอร์ตแบบกระจายความเสี่ยง (Diversification) จึงยังเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญ

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกเล็กน้อย S&P500 +0.6% และ Nasdaq 100 +0.7% หลังสหรัฐฯ และจีนได้บรรลุกรอบข้อตกลงการเจรจา ณ กรุงลอนดอน เพื่อดำเนินการต่อยอดจากข้อตกลงที่เกิดขึ้นก่อนหน้าในเจนีวา ซึ่งรวมถึงการระงับการขึ้นภาษีนำเข้าระหว่างกันเป็นเวลา 90 วัน และมีประเด็นสำคัญอยู่ที่การส่งออกแร่ Rare earth ของจีนและการลดข้อจำกัดการส่งออก โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและชิปของสหรัฐฯ

แต่กรอบข้อตกลงนี้ยังคงต้องรอการอนุมัติขั้นสุดท้ายจากผู้นำทั้งสองประเทศ -  ประธานาธิบดีทรัมป์และสีจิ้นผิง ถึงจะสามารถเดินหน้าต่อได้ Howard Lutnick รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ และ Li Chenggang รัฐมนตรีช่วยจีน ยืนยันว่ากรอบข้อตกลงนี้จะถูกส่งกลับไปให้ผู้นำทั้งสองประเทศ พิจารณาอนุมัติเป็นลำดับต่อไป 

ศาลอุทธรณ์ของสหรัฐฯ ขยายเวลาผ่อนผันคำตัดสินของศาลการค้าต่อไปในระหว่างที่กำลังอยู่ระหว่างอุทธรณ์ ทำให้มาตรการภาษี “Reciprocal Tariffs” ยังมีผลบังคับใช้อยู่ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ คำสั่งเดิมของศาลการค้าระบุว่าทรัมป์ใช้อำนาจกฎหมายฉุกเฉิน (IEEPA) เกินขอบเขต 

 

ทั้งนี้ ภาษีนำเข้า Reciprocal Tariffs ที่สหรัฐฯ เคยระงับไว้ จะกลับมามีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 ก.ค. หากยังไม่มีดีลการค้า โดยเฉพาะกับ EU ที่อาจเจอภาษี 50% ส่งผลให้แรงกดดันด้านเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนของนโยบายยังมีอยู่ ​