บลจ.กสิกรไทย มองหุ้นไทยปันผลสูงมีความน่าสนใจในระยะยาว โดยเฉพาะหุ้นยั่งยืนของไทยที่มีศักยภาพในการจ่ายเงินปันผลสูง พร้อมส่งกองทุนใหม่ Thai ESGX เน้นหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด ได้แก่ K-HDThaiESGX ลงทุนในหุ้นยั่งยืนปันผลสูง 100% และ K-70ThaiESGX ลงทุนผสมในหุ้นยั่งยืนปันผลสูง 70% ตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน 30% เปิดขายครั้งแรกเฉพาะเงินลงทุนใหม่ในระหว่างวันที่ 2-8 พฤษภาคมนี้
นายวิน พรหมแพทย์, CFA ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย)เปิดเผยว่า “หุ้นไทยปันผลสูง" ยังมีความน่าสนใจในระยะยาวอยู่มาก เนื่องจากคาดการณ์ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลดีต่อบริษัทจดทะเบียนที่มีนโยบายจ่ายปันผลสูง โดยการลดดอกเบี้ยจะช่วยลดต้นทุนทางการเงินของบริษัท ส่งผลให้กำไรสุทธิมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นและเพิ่มศักยภาพในการจ่ายเงินปันผล ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย เปิดตัว 2 กองทุน Thai ESGX ได้แก่ K-HDThaiESGX เน้นลงทุนในหุ้นยั่งยืนปันผลสูง 100% และ K-70ThaiESGX เน้นลงทุนผสมในหุ้นยั่งยืนปันผลสูง 70% และตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน 30% โดยมีรูปแบบให้เลือกลงทุน 2 Share Class ทั้งสำหรับเงินลงทุนใหม่ และสำหรับสับเปลี่ยนจาก LTF
นายวินกล่าวต่อไปว่า บลจ.กสิกรไทย กำหนดเปิดขายครั้งแรกในระหว่างวันที่ 2-8 พฤษภาคม 2568 เฉพาะ Share Class สำหรับเงินลงทุนใหม่ พร้อมรับสิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุดถึง 300,000 บาท และเตรียมเปิดขายครบทั้ง 2 Share Class อีกครั้งในระหว่างวันที่ 13 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2568 พร้อมรับสิทธิลดหย่อนภาษีปี 2568 จากทั้ง 2 Share Class สูงสุดถึง 600,000 บาท ทั้งนี้ การสับเปลี่ยนจาก LTF มายังกองทุน Thai ESGX สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ 500,000 บาท โดยแบ่งเป็นปี 2568 จำนวน 300,000 บาท และปี 2569-2572 ปีละไม่เกิน 50,000 บาท ซึ่งนับเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ถือครองกองทุน LTF เดิม เพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอจากการรับเงินปันผลที่สูงในระยะยาว พร้อมทั้งยังได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างต่อเนื่อง
“จุดเด่นที่น่าสนใจของกองทุน Thai ESGX จากบลจ.กสิกรไทย อยู่ที่นโยบายลงทุนในหุ้นไทยยั่งยืนตามดัชนี SET High Dividend 30 Index (SETHD) ซึ่งเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะยาว โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก 1) หุ้นบริษัทชั้นนำขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพและศักยภาพการจ่ายปันผลสูง ช่วยลดความผันผวนของพอร์ตในสภาวะตลาดมีความไม่แน่นอน 2) หุ้นในดัชนี SETHD ยังมีการประเมินมูลค่าหุ้น (Valuation) ที่ถูกกว่าดัชนี SET อย่างมีนัยสำคัญ และ 3) หุ้นในดัชนี SETHD กว่า 90% ได้รับการจัดอันดับ SET ESG Rating ในระดับสูง สะท้อนถึงคุณภาพ ผลตอบแทนปันผลสม่ำเสมอ และการคำนึงถึงความยั่งยืน ทั้งนี้ ในระยะสั้นการปรับแนวโน้มเครดิตประเทศเป็นเชิงลบจาก Moody's ต่อหุ้นไทยนั้น คาดกระทบเชิง sentiment อาจได้รับแรงกดดันบ้างจากภาพรวมเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นเป็นหลัก แต่หุ้นในกลุ่ม SETHD เป็น defensive play ช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งยังมีความน่าสนใจจากการที่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ กระแสเงินสดมั่นคง และงบดุลแข็งแรง ทำให้สามารถจ่ายปันผลสูงกว่าตลาดโดยรวม โดยบลจ.กสิกรไทย ยังคงคาดการณ์ Dividend Yield ของดัชนี SETHD ในปีนี้และอีก 2 ปีข้างหน้าไว้ที่ประมาณ 5-6% ต่อปี ซึ่งเป็นระดับที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการรายได้สม่ำเสมอ นอกจากนี้ กองทุนยังมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ไทยคุณภาพดีหลากหลายประเภท ซึ่งเป็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดี โดยเฉพาะในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับตัวลงเช่นนี้" นายวินกล่าว
นายวินกล่าวเพิ่มเติมว่า กองทุน Thai ESGX จากบลจ.กสิกรไทย เป็นกองทุนที่มีการบริหารและดำเนินงานด้วยกลยุทธ์เชิงรุก (Active Management) ที่เน้นลงทุนในหุ้นที่มีอัตราการจ่ายเงินปันผลในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกันกับกองทุน K-VALUE ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นไทยตามดัชนี SETHD เช่นกัน โดยกองทุน K-VALUE สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงที่สุดเป็นอันดับสองในกลุ่มกองทุนหุ้นไทย (Equity Large-cap) อยู่ที่ -2.6% ซึ่งมากกว่าดัชนี SET ที่ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ -16.2% (ที่มา: Morningstar ณ 31 มี.ค. 68) ทั้งนี้ ผู้ลงทุนที่สนใจสามารถซื้อกองทุน Thai ESGX จากบลจ.กสิกรไทย ได้อย่างสะดวกและปลอดภัยผ่าน App K PLUS และ K-My Funds เริ่มต้นลงทุนเพียง 500 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888
ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน • กองทุน K-70ThaiESGX อาจลงทุนในตราสารต่างประเทศได้ไม่เกิน 20% ของ NAV โดยจะป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด • กองทุนที่ไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
นายวิน พรหมแพทย์, CFA, ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) พร้อมคณะผู้บริหารของ บลจ.กสิกรไทย ให้การต้อนรับนายแพทริก เฮมเมอร์ (H.E. Mr. Patrick Hemmer) เอกอัครราชทูตลักเซมเบิร์กประจำประเทศไทย และนายทอม เธโอบาลด์ (Mr. Tom Théobald) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Luxembourg for Finance (LFF) ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐที่ดูแลการพัฒนาศูนย์กลางการเงินของลักเซมเบิร์ก เนื่องในโอกาสเยี่ยมชมธุรกิจจัดการกองทุน เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองต่อการพัฒนาตลาดเงินตลาดทุน รวมถึงทิศทางการขับเคลื่อนการลงทุนโดยเฉพาะเรื่องของการพัฒนาเทคโนโลยีทางการเงินของทั้ง บลจ.กสิกรไทย และ LFFนายวิน พรหมแพทย์, CFA, ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) พร้อมคณะผู้บริหารของ บลจ.กสิกรไทย ให้การต้อนรับนายแพทริก เฮมเมอร์ (H.E. Mr. Patrick Hemmer) เอกอัครราชทูตลักเซมเบิร์กประจำประเทศไทย และนายทอม เธโอบาลด์ (Mr. Tom Théobald) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Luxembourg for Finance (LFF) ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐที่ดูแลการพัฒนาศูนย์กลางการเงินของลักเซมเบิร์ก เนื่องในโอกาสเยี่ยมชมธุรกิจจัดการกองทุน เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองต่อการพัฒนาตลาดเงินตลาดทุน รวมถึงทิศทางการขับเคลื่อนการลงทุนโดยเฉพาะเรื่องของการพัฒนาเทคโนโลยีทางการเงินของทั้ง บลจ.กสิกรไทย และ LFF