หากพูดถึงประเด็นที่ร้อนแรงในเวลานี้ คงหนีไม่พ้น… เรื่องของการท้าชิงความเป็นผู้นำ AI อย่างแน่นอน
โดยผู้ท้าชิงหลักก็คือ 2 ประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ และจีน ที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามีศักยภาพในมืออย่างเต็มเปี่ยม เรียกว่ากินกันไม่ลงเลยทีเดียว วันนี้ KAsset จะพาทุกคนไปอัปเดตประเด็นที่น่าสนใจของทั้ง 2 ประเทศนี้กัน
ประเด็นเศรษฐกิจ ประเทศจีน
ตลอดช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมา จีนมีความไม่แน่นอนภายในประเทศมากมาย ส่งผลให้ดัชนี CSI 300 และ Hang Seng ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ตอนนี้จีนเริ่มมีสัญญาณบวกมากขึ้นจากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็น
ผลตอบแทน
แม้ช่วงที่ผ่านมาผลตอบแทนของตลาดหุ้นจีนจะติดลบมาตลอด แต่ในตอนนี้ 10 เทพเซียน (Terrific Ten) หรือธุรกิจเทคโนโลยีที่มีศักยภาพและมีมูลค่าตลาดสูงสุดในจีน กลับมาโดดเด่นอีกครั้ง ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นปีนี้ดัชนี Hang Seng Tech ปรับตัวสูงขึ้น 30% จนทำจุดสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี และแซงหน้า Nasdaq 100 จากฝั่งสหรัฐฯ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลงทุนที่มาแรงไม่แพ้กัน
ภาครัฐบาล
จากเหตุการณ์ที่ สี จิ้นผิง ได้จัดประชุมเรียกผู้นำภาคเอกชนที่อยู่ในกลุ่มกำลังการผลิตใหม่เข้าพบ เช่น แจ็คหม่า ผู้ก่อตั้ง Alibaba Group, หวัง ชวนฟู ผู้ก่อตั้ง BYD, เหลย จุน ผู้ก่อตั้ง Xiaomi เป็นต้น การประชุมดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่กำลังบ่งบอกว่ารัฐบาลเริ่มกลับมาให้ความสำคัญกับภาคเอกชนมากขึ้น เพื่อผลักดันให้เป็นกำลังสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีนในอนาคต
พร้อมทั้งมีแนวโน้มว่าจะมีการผ่อนคลายมาตรการที่เคยเข้มงวดก่อนหน้านี้ และพร้อมจะสนับสนุนภาคเอกชนอย่างเท่าเทียมกับบริษัทของรัฐบาลอีกด้วย
การพัฒนาด้านเทคโนโลยี
จีนกลับมาอีกครั้งด้วยการเปิดตัวแชตบอต AI อย่าง DeepSeek ที่สะเทือนไกลถึงฝั่งสหรัฐฯ เพราะมีประสิทธิภาพสูง และต้นทุนในการพัฒนาเพียง 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งต่ำกว่า ChatGPT ทำให้มียอดดาวน์โหลดใน App Store พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ไม่เพียงเท่านั้น การเกิดขึ้นของ DeepSeek ยังสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับหลายภาคส่วน เช่น โรงพยาบาลในจีนได้นำ DeepSeek ไปต่อยอดเป็นเครื่องมือช่วยวินิจฉัยโรคและแผนการรักษา รวมถึงยังได้ร่วมมือกับทาง BYD เพื่อพัฒนารถยนต์ไร้คนขับในอนาคตอีกด้วย
ภาพรวมการเคลื่อนไหวของจีน นับว่ามีความน่าสนใจและส่งสัญญาณเตือนฝั่งสหรัฐฯ อยู่ไม่น้อย แล้วฝั่งสหรัฐฯ ที่นำโดย โดนัลด์ ทรัมป์ ยุค 2.0 ตอนนี้มีความเคลื่อนไหวในการบริหารประเทศมหาอำนาจเบอร์หนึ่งได้อย่างไร ลองไปสำรวจไปด้วยกัน
ประเด็นเศรษฐกิจ สหรัฐอเมริกา
การกลับมาของทรัมป์นั้นจะทำให้สหรัฐฯ ได้ประโยชน์ในหลายมิติ จากนโยบายที่เราได้เห็นกันไป ไม่ว่าจะเป็นนโยบายกำแพงภาษี นโยบายลดภาษี และนโยบายกีดกันผู้อพยพ
ผลตอบแทน
ปีที่ผ่านมาดัชนี S&P 500 ทำสถิติใหม่มาตลอด และให้ผลตอบแทนที่ดี 2 ปีติดต่อกัน เมื่อรวมแล้วมีการปรับตัวขึ้นมาถึง 53% เลยทีเดียว รวมถึงดัชนี Nasdaq ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเทคโนโลยีก็ปรับตัวขึ้นมา 28.64% โดยมีหุ้น 7 นางฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก
รวมถึงเป็นผลมาจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี AI เศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ทำให้สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนได้
ภาครัฐบาล
รัฐบาลในยุคทรัมป์ได้ออกนโยบายการปรับลดภาษีนิติบุคคลที่มีแนวโน้มจะลดสูงสุดถึง 15% โดยหากเกิดขึ้นก็จะเป็นผลดีต่อต้นทุนของธุรกิจภายในประเทศ
นอกจากนี้ นโยบายเชิงเทคโนโลยี ทรัมป์ได้ประกาศลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI กับภาคเอกชนอย่าง OpenAI, Oracle และ SoftBank มูลค่ากว่า 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อรักษาความเป็นผู้นำด้าน AI และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับสหรัฐฯ มากขึ้น
การพัฒนาด้านเทคโนโลยี
ข้อนี้เป็นไฮไลต์ที่สหรัฐฯ โฟกัสในการแข่งขันกับจีนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการพัฒนา AI หลังถูกกระแส Deepseek ขึ้นมาท้าทายเรื่องต้นทุนของการพัฒนา ซึ่งฝั่งสหรัฐฯ ก็กำลังหาทางยกระดับ นำโดย ChatGPT จาก OpenAI ที่ได้พัฒนาโมเดลใหม่ GPT-4.5 ให้มีองค์ความรู้กว้างขึ้น รวมถึงตอบสนองต่อความรู้สึกของผู้ใช้งานได้ดียิ่งขึ้นด้วยในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ไม่เพียงเท่านั้น ทางฝั่งอีลอน มัสก์ ก็ได้อัปเกรดแชตบอต Grok-3 ใหม่ ให้มีพลังสำหรับการประมวลผลมากกว่ารุ่นก่อนถึง 10 เท่า
จะเห็นได้ว่าธุรกิจกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐฯ กำลังเกิดการเร่งพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพราะมีคู่แข่งหน้าใหม่เกิดขึ้น จึงถือเป็นอีกหนึ่งโอกาสสำหรับนักลงทุนที่สนใจในอุตสาหกรรมนี้ในระยะยาว
คำแนะนำการลงทุน
สรุป ทั้ง 2 ประเทศนี้ ถือว่ามีศักยภาพที่หลากหลายไม่แพ้กัน และหนึ่งสิ่งที่เหมือนกันนั่นก็คือ เรื่องของเทคโนโลยี ที่เกิดการพัฒนาใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งยังสอดคล้องกับเมกะเทรนด์ที่มีโอกาสเติบโตในอนาคต
สำหรับใครที่เชื่อมั่นและสนใจลงทุนในหุ้นคุณภาพทั่วโลก รวมทั้งหุ้นธุรกิจกลุ่มเทคโนโลยี วันนี้ทาง KAsset มี 2 กองทุนรวมที่น่าสนใจมาแนะนำ ได้แก่
ลงทุนหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำทั่วโลก เน้นหุ้นเติบโตสูง จัดพอร์ตโดยผู้เชี่ยวชาญการลงทุนด้านเทคโนโลยีมากกว่า 35 ปี ผ่านกองทุนหลัก Threadneedle (Lux) Global Technology, Class IU USD ที่มีผลการดำเนินงานดีต่อเนื่อง
กองทุนหุ้นโลกคุณภาพ เน้นลงทุนหุ้นขนาดใหญ่ของประเทศพัฒนาแล้วทั่วโลก ลงทุนด้วยกลยุทธ์ Core Equity ในกองทุนหลัก JPMorgan Global Select Equity ETF คัดเลือกหุ้นที่สามารถเอาชนะดัชนีชี้วัด MSCI World อย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมทั้งหุ้นเติบโตและหุ้นคุณค่า มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ดี
คำเตือน *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บลจ.กสิกรไทยกำหนด กองทุนนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน