6/18/2025

ลุยยาว Trade war รอบใหม่ ลงทุนอย่างไร? ให้มั่นคงและมั่นใจ ​

สถานการณ์เศรษฐกิจโลก  ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องจับตามองกันอย่างต่อเนื่อง  จากความผันผวนที่มาจากนโยบายของสหรัฐฯ โดยเฉพาะด้านภาษีและสงครามการค้าที่ร้อนระอุ  หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปลี่ยนทิศทางจากจีน 

หันมากดดันกลุ่มประเทศ EU แทน โดยอ้างว่าฝั่ง EU ขาดดุลการค้ากับสหรัฐฯ มากกว่า 250,000,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี พร้อมขู่จะขึ้นภาษีนำเข้าเพิ่มอีก 50% ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

ซึ่งการประกาศครั้งนี้ ทำให้ทั้งดัชนีหุ้นหลักของสหรัฐฯ และหุ้นยุโรปต่างพากันปรับตัวลดลง รวมไปถึงเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ลดลงเช่นกัน เนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับประเด็นด้านภาษี ที่นักลงทุนมองว่าอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในระยะยาว

เมื่อความผันผวนยังไม่มีวี่แววว่าจะคลี่คลาย นักลงทุนจะรับมืออย่างไรดี? 
 หลายคนอาจมองว่าช่วงนี้ยังไม่ใช่จังหวะเหมาะสำหรับการลงทุน จึงเลือก Save เงินไว้เฉย ๆ เพื่อรอดูทิศทางตลาด

แต่รู้หรือไม่ว่า “การอยู่เฉย ๆ” ก็อาจทำให้คุณพลาดโอกาสไปโดยไม่รู้ตัวได้เหมือนกัน 

ถึงแม้ตลาดจะผันผวน แต่โอกาสในการลงทุนไม่ได้หายไปไหน
ในทางกลับกัน…นี่ก็ยังถือเป็น "จังหวะที่ดี" สำหรับการปรับเปลี่ยนแผนการลงทุน เพื่อรองรับกับสถานการณ์ของตลาดอย่างเหมาะสม ผ่านการเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่เน้นความมั่นคงสูง และสินทรัพย์ที่สร้างกระแสเงินสดสม่ำเสมอ 

ด้วยเหตุนี้ กองทุน K-GPIN จึงเป็นคำตอบของการลงทุนที่เหมาะที่สุดในช่วงตลาดผันผวนแบบนี้

● ลงทุนในกองทุนหลัก JPMorgan Global Equity Premium Income Active UCITS ETF คัดเลือกหุ้นคุณภาพเยี่ยมจากทั่วโลก ที่มี "Defensive" สูง รวมถึงมีความผันผวนและ Drawdown ที่ต่ำกว่าดัชนี MSCI World ซึ่งทำให้ได้รับผลกระทบน้อยกว่า หากว่าตลาดโลกเกิดความผันผวนขึ้นมา
● เสริมทัพด้วยกลยุทธ์การขาย Call Option รายเดือน เพิ่มโอกาสรับ Income เข้าพอร์ตอย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงที่ตลาดกำลังผันผวนก็ตาม
● มีระบบ “Auto Redemption” เป็นทางเลือกเพิ่มเติม สำหรับขายคืนหน่วยลงทุนแบบอัตโนมัติ และจ่ายเงินคืนให้นักลงทุนเป็นงวด ๆ โดยไม่ถูกหักภาษีเหมือนเงินปันผลทั่วไป เป็นการเพิ่มกระแสเงินสดอีกทางหนึ่งให้ผู้ลงทุน

K-GPIN จึงเป็นกองทุนที่โดดเด่นท่ามกลางภาวะตลาดผันผวน ด้วยผลการดำเนินงานของกองทุนหลักที่มีประวัติการจ่ายปันผลเฉลี่ยอยู่ที่ 6 - 7% ต่อปี และมีแนวโน้มสร้างผลตอบแทนรวม (Total Return) เฉลี่ยที่ระดับ 10 - 11% ต่อปี ทั้งยังทำผลงานติดอันดับ “Top Quartile” เมื่อเทียบกับกองทุนประเภทเดียวกันอีกด้วย (ที่มา: Morningstar 31 March 2025)

ตัวอย่างหุ้นที่กองทุนหลักลงทุน : ข้อมูล ณ พฤษภาคม 2568, KAsset และ J.P. Morgan Asset Management
- 𝐌𝐚𝐬𝐭𝐞𝐫𝐜𝐚𝐫𝐝 ผู้ให้บริการเครือข่ายการชำระเงินที่ใหญ่ที่สุดติดอันดับ Top 3 ของโลก
- 𝐌𝐢𝐜𝐫𝐨𝐬𝐨𝐟𝐭 ยักษ์ใหญ่แห่งวงการซอฟต์แวร์ และผู้ให้บริการ Cloud Computing รายใหญ่ของโลก
- 𝐒𝐨𝐮𝐭𝐡𝐞𝐫𝐧 𝐂𝐨𝐦𝐩𝐚𝐧𝐲 ผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดติดอันดับ Top 3 ในสหรัฐฯ
- 𝐓-𝐌𝐨𝐛𝐢𝐥𝐞 𝐔𝐒 บริษัทโทรคมนาคมชั้นนำ และใหญ่สุดติดอันดับ Top 3 ในสหรัฐฯ
- 𝐒𝐀𝐏 บริษัทซอฟต์แวร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ผู้อยู่เบื้องหลังโซลูชันที่ช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ จัดการข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- 𝐍𝐓𝐓 ผู้ให้บริการโทรคมนาคมอันดับ 1 ของญี่ปุ่น​

กองทุน K-GPIN เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหารายได้รายเดือนจากพอร์ตหุ้นทั่วโลก  เน้นรับกระแสเงินสด  โดยไม่ต้องรอการจ่ายปันผล รวมถึงผู้ที่อยากกระจายความเสี่ยงออกจากตลาดสหรัฐฯ ไปยังภูมิภาคอื่น ๆ ในช่วงที่สถานการณ์เศรษฐกิจยังคงไม่แน่นอน โดยมีให้เลือกลงทุน 2 แบบด้วยกัน ได้แก่ 

1. K-GPIN แบบป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อช่วยลดความผันผวนเรื่องค่าเงินในการลงทุน

● K-GPIN-A(A) แบบสะสมมูลค่า 
เสริมพอร์ตเติบโต เน้นสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาว  โดยกองทุนเปิดเสนอขายครั้งแรก IPO 17-24 มิ.ย. 2025

2. K-GPINUH แบบไม่ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อโอกาสทำกำไรที่มากขึ้น หากคาดการณ์เรื่องค่าเงินถูกทาง

● K-GPINUH-A(A) แบบสะสมมูลค่า (Accumulation) 
สำหรับผู้ที่ต้องการให้ผลตอบแทนเติบโตต่อเนื่อง

● K-GPINUH-A(R) แบบรับซื้อคืนอัตโนมัติ (Auto Redemption) 
สำหรับผู้ที่ต้องการรับกระแสเงินสดแบบไม่เสียภาษี

พร้อมลุยตลาดโลกแล้วหรือยัง? ถ้าพร้อมแล้ว เริ่มได้เลยวันนี้ผ่านแอป K-My Funds  แอปเดียวที่ให้คุณวางแผน จัดพอร์ต และลงทุนได้ทันที เริ่มต้นเพียง 500 บาทเท่านั้น


ที่มา: บลจ.กสิกรไทย 

ข้อมูล ณ วันที่ 18 มิถุนายน 2025​​


คำเตือน : ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต / ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน


Yes
6/18/2025
0
situation