ดอกเบี้ยไทยและโลกเข้าใกล้จุดสูงสุดแล้ว
แม้ว่า Fed จำเป็นต้องคงดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงอีกระยะหนึ่ง แต่การปรับขึ้นของ Bond Yield น่าจะจำกัดมากขึ้น
ความผันผวนลดลง ตลาดเริ่มเข้าสู่ ภาวะปกติมากขึ้น
ทั้งนี้อาจมีความผันผวนได้บ้างตาม Event Risk เช่น เงินเฟ้อสูงยาวนานกว่าคาด, ปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์, การปรับเปลี่ยนนโยบายของธนาคารกลาง
การลงทุนในหุ้นกู้ภาคเอกชนยังเป็นทางเลือก
ที่จะให้ผลตอบแทนเพิ่มเติม
จากส่วนต่างด้านเครดิต และยังมีความมั่นคงภายใต้
ความเสี่ยงการผิดชำระหนี้ที่ต่ำ เนื่องจากตลาดคาดว่า
เศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวได้ในระยะข้างหน้า
ทางเลือกที่ดีในการกระจายความเสี่ยง
ในภาวะที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนสูง
K-SFPLUS
ดัชนีชี้วัด
• ข้อมูล ณ วันที่ 31 พ.ค. 66 • กองทุนจัดตั้งเมื่อวันที่ 31 มี.ค. 59 • ดัชนีชี้วัด ค่าเฉลี่ยของผลตอบแทนรวมของดัชนีพันธบัตรที่มีอายุคงที่ (ZRR) อายุประมาณ 6 เดือน (35%) อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 1 ปี วงเงินน้อยกว่า 5 ล้านบาท เฉลี่ยของ 3 ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ หลังหักภาษี (35%) ดัชนี US Generic Government 6 Month Yield บวกด้วยค่าเฉลี่ยของ Credit Spread ของตราสารที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ ในระดับ BBB อายุ 6 เดือน ในช่วงระยะเวลาที่คำนวณผลตอบแทน ปรับด้วยต้นทุนการป้องกันความเสี่ยง ด้านอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อเทียบเป็นสกุลเงินบาท ณ วันที่คำนวณผลตอบแทน (25%) และผลตอบแทนรวม ของดัชนีตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีอายุคงที่ มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับ BBB อายุ 1 ปี (5%) • ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้ยืนยันอนาคต
เงินฝาก ตราสารหนี้ภาครัฐ/เอกชน ทั้งในไทยและต่างประเทศ
ตราสารหนี้ภาครัฐ เช่น พันธบัตรรัฐบาล และ ตั๋วเงินคลัง ตราสารหนี้ภาคเอกชน เช่น หุ้นกู้ของบริษัทต่างๆ และตั๋วแลกเงิน
จากดอกเบี้ยเมื่อถือตราสารหนี้ตามระยะเวลาที่กำหนด (Coupon) และ กำไรจากส่วนต่างราคาซื้อขาย (Capital Gain)
มีโอกาสขาดทุนได้จากการเปลี่ยนแปลงของราคา เนื่องจากการคำนวณมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ ณ สิ้นวัน (NAV) จะต้องปรับมูลค่าอ้างอิงตามราคาตลาด (Mark to Market) ดังนั้นเมื่อราคาตราสารหนี้มีแนวโน้มปรับตัวลง จะส่งผลต่อราคา NAV ที่ลดลงด้วย อย่างไรก็ตาม หากถือกองทุนจนถึงระยะเวลาที่แนะนำก็มีโอกาสได้ผลตอบแทนตามที่คาดหวัง เช่น กองทุนตราสารหนี้ ระยะกลางถึงยาว ควรถือกองทุนตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไปเพื่อลดความผันผวน
อายุของตราสารหนี้จะมีความสัมพันธ์กับความผันผวนของราคา โดยตราสารหนี้ระยะยาวจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยในตลาดที่มากกว่า จึงมีความผันผวนของราคาสูงแต่ก็มีโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงด้วยเช่นกัน
ในขณะที่ตราสารหนี้ระยะสั้นมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาค่อนข้างต่ำ
จึงให้ผลตอบแทนที่ต่ำกว่าด้วย
ความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารหนี้ โดยตราสารหนี้ที่ Credit Rating สูง จะมีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ต่ำ (เรียงอันดับตั้งแต่จากสูงสุด AAA ไป ต่ำสุด D) โดยเป็นการจัดอันดับจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ที่ได้รับการรับรองจาก ก.ล.ต. ซึ่งในประเทศไทยมี 2 แห่งคือ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด และ บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด
ต่ำกว่า โดยมีระดับความเสี่ยง 4 เปรียบเทียบกับกองทุนหุ้นที่ระดับ 6
นโยบายการลงทุนคล้ายกัน แต่ K-SFPLUS สามารถลงทุนในต่างประเทศได้มากกว่า คือไม่เกิน 79% ขณะที่ K-SF ลงทุนได้ไม่เกิน 50% โดยทั้ง 2 กองทุน จะป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 90% ของมูลค่าเงินลงทุนต่างประเทศ
สามารถเปิดบัญชีกองทุนรวมได้เองทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ต้องไปสาขา โดยเตรียมเลขที่บัญชีออมทรัพย์ และข้อมูลตามบัตรประชาชนให้เรียบร้อย
สำหรับผู้ที่มีบัญชีกองทุนรวมอยู่แล้ว กดซื้อได้เลยง่ายๆ ผ่านแอป K PLUS หรือ K-My Funds และช่องทางออนไลน์ที่ K-Cyber Invest หรือที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา
K PLUS และ K-My Funds สามารถทำรายการซื้อ-ขาย กองทุนรวมของ กองทุนรวมของ KAsset ได้ทั้ง 2 แอปพลิเคชัน
K-My Funds เป็นแอปพลิเคชันเกี่ยวกับกองทุนรวมโดยเฉพาะ ดังนั้นจะมีข้อมูลและฟังก์ชันเชิงลึกมากกว่า เช่น พอร์ตการลงทุนแนะนำตามความเสี่ยง การแจ้งเตือนและให้คำแนะนำเกี่ยวกับกองทุนที่ถืออยู่ และการปรับพอร์ตลงทุน พร้อมทั้งยังมี โปรแกรมช่วยคำนวณภาษี และ การแสดงยอดเงินลงทุนกองทุน RMF/SSF/LTF รายปี เป็นต้น
K PLUS ช่วยรวบรวมข้อมูลการลงทุนของคุณใน app เดียว ทั้งเงินฝาก กองทุน และหุ้น และยังมีฟังก์ชันช่วยวางแผนการลงทุนผ่าน Wealth Plus บริการช่วยวางแผนการลงทุนส่วนตัว โดยจะช่วยกำหนดเป้าหมายการลงทุน ช่วยเลือกกองทุนที่พิจารณาแล้วว่ามีการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนที่ดี มีโอกาสทำกำไร และมีความเหมาะสมกับระดับความเสี่ยงของแผนการลงทุนที่เลือก ทั้งยังคอยดูแลแผนการลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมายตลอดเวลาอีกด้วย
• การลงทุนในตราสารหนี้อาจมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย
• ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
• สนใจลงทุนและขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ www.kasikornasset.com