เศรษฐกิจเวียดนามเติบโตสูงสุด
เมื่อเทียบกลุ่ม ASEAN Emerging Markets*
จากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง
*ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์
จำนวนประชากรวัยแรงงานมีสัดส่วนสูงที่สุดในอาเซียน
เป็นปัจจัยบวกต่อการขยายตัว
ของเศรษฐกิจในระยะยาว
การสนับสนุนจากรัฐบาลในหลายด้าน
เช่น การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ข้อตกลง
ทางการค้ากับนานาประเทศ การปรับเปลี่ยน
กฏระเบียบเพื่อดึงดูดการลงทุนโดยตรง
จากต่างชาติ (FDI)
และการปฏิรูปตลาดเงินตลาดทุน
การลงทุนโดยตรงจากต่างชาติอยู่ในระดับสูง
เพื่อใช้เวียดนามเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปยังประเทศอื่นทั่วโลก
ลงทุนตรงกับหุ้นเวียดนามชั้นนำ
ผลตอบแทนโดดเด่น
เอาชนะดัชนีชี้วัดทั้งระยะสั้น
และระยะยาว
ลงทุนหุ้นเวียดนามมาแรง โอกาสทำกำไรโตเพื่อวัยเกษียณ พร้อมได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
ลงทุนระยะยาวกับหุ้นเวียดนาม โอกาสสะสมผลตอบแทนเพื่ออนาคต พร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
MSCI Vietnam Net Total Return USD Index ปรับด้วยอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อเทียบกับค่าสกุลเงินบาท ณ วันที่คำนวณผลตอบแทน / ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันอนาคต / กองทุนจัดตั้ง 25 ต.ค. 61 / ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย. 65
(ในกลุ่ม Thailand OE Vietnam Equity
ข้อมูล Morningstar ณ 31 ส.ค. 65)
และได้ประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามในระยะยาว
และมีโอกาสเติบโตสูงจากการเตรียมถูกปรับสถานะเป็นตลาดเกิดใหม่
Emerging Markets
(ปัจจุบันเป็น Frontier Markets)
นโยบายการลงทุน | เน้นลงทุนตรงในหุ้นเวียดนาม และบางส่วนลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ ที่ลงทุนในหุ้นเวียดนาม (ซึ่งรวมถึงETF) | ลงทุนตรงในหุ้นภูมิภาคอาเซียน (ไทย สิงคโปร์ เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย) |
เหมาะกับใคร | ผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นเวียดนาม สามารถรับความเสี่ยงได้สูง และยอมรับความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ | ผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายลงทุนในหุ้นภูมิภาคอาเซียน และสามารถยอมรับความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ |
นโยบายจ่ายปันผล | ไม่มี | ไม่มี |
ติดตามได้จากดัชนีตลาด VNI Index
https://www.investing.com/indices/vnเนื่องจากหุ้นเวียดนามส่วนใหญ่เป็นหุ้นเติบโตสูงซึ่งมีแนวโน้มเติบโตของผลกำไร ขยายธุรกิจต่อเนื่อง และมีโอกาสจ่ายปันผลน้อยกว่าหุ้นในประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยเหตุนี้ กองทุนจึงไม่มีนโยบายจ่ายปันผล
เนื่องจากการลงทุนตลาดหุ้นเวียดนามมีความผันผวนสูง นักลงทุนจึงควรตั้งเป้าหมายการลงทุนอย่างน้อย 5 ปี การลงทุนในระยะสั้นมีโอกาสเห็นการขาดทุนได้สูงจากปัจจัยลบต่างๆ ขณะที่การลงทุนในระยะยาวจะเปิดโอกาสให้ราคาสามารถสะท้อนถึงศักยภาพการเติบโตในระยะยาวของธุรกิจได้เต็มที่ จึงช่วยลดโอกาสขาดทุนจากการลงทุนได้
สามารถเปิดบัญชีกองทุนรวมได้เองทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ต้องไปสาขา โดยเตรียมเลขที่บัญชีออมทรัพย์ และข้อมูลตามบัตรประชาชนให้เรียบร้อย
สำหรับผู้ที่มีบัญชีกองทุนรวมอยู่แล้ว กดซื้อได้เลยง่ายๆ ผ่านแอป K PLUS หรือ K-My Funds และช่องทางออนไลน์ที่ K-Cyber Invest หรือที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา
K PLUS และ K-My Funds สามารถทำรายการซื้อ-ขาย กองทุนรวมของ KAsset ได้ทั้ง 2 แอปพลิเคชัน
K-My Funds เป็นแอปพลิเคชันเกี่ยวกับกองทุนรวมโดยเฉพาะ ดังนั้นจะมีข้อมูลและฟังก์ชันเชิงลึกมากกว่า เช่น พอร์ตการลงทุนแนะนำตามความเสี่ยง การแจ้งเตือนและให้คำแนะนำเกี่ยวกับกองทุนที่ถืออยู่ และการปรับพอร์ตลงทุน พร้อมทั้งยังมี โปรแกรมช่วยคำนวณภาษี และ การแสดงยอดเงินลงทุนกองทุน RMF/SSF/LTF รายปี เป็นต้น
K PLUS ช่วยรวบรวมข้อมูลการลงทุนของคุณใน app เดียว ทั้งเงินฝาก กองทุน และหุ้น และยังมีฟังก์ชันช่วยวางแผนการลงทุนผ่าน Wealth Plus บริการช่วยวางแผนการลงทุนส่วนตัว โดยจะช่วยกำหนดเป้าหมายการลงทุน ช่วยเลือกกองทุนที่พิจารณาแล้วว่ามีการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนที่ดี มีโอกาสทำกำไร และมีความเหมาะสมกับระดับความเสี่ยงของแผนการลงทุนที่เลือก ทั้งยังคอยดูแลแผนการลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมายตลอดเวลาอีกด้วย