กองทุนแนะนำ

K-GHEALTH

ลงทุนหุ้นบริษัทสุขภาพทั่วโลก
พร้อมโอกาสรับเงินปันผล

ลงทุนหุ้นกลุ่มสุขภาพที่มี
ศักยภาพเติบโตอย่างต่อเนื่อง

เน้นใน 4 ธีม ได้แก่ 1.ยา 2.เทคโนโลยีชีวภาพ 3.เทคโนโลยีทางการแพทย์ 4.บริการด้านสุขภาพ

สังคมวัยสูงอายุทั่วโลกมีแนวโน้ม
เพิ่มสูงขึ้น

และนวัตกรรมใหม่ๆ ความก้าวหน้าทางวิทยาการ
และเทคโนโลยี รวมถึงความต้องการด้านสุขภาพ
ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก

ทีมผู้จัดการกองทุนหลักมากด้วย
ประสบการณ์กว่า 24 ปี

มีความเชี่ยวชาญในหุ้นกลุ่มสุขภาพ
*ที่มา: J.P. Morgan Asset Management
ธ.ค. 65

ทำไมต้อง K-GHEALTH กสิกรไทย

ลงทุนในหุ้นกลุ่มสุขภาพทั่วโลก เช่น บริษัทยา โรงพยาบาลชั้นนำ ที่มีแนวโน้มเติบโตและมีนโยบายจ่ายปันผล ไม่เกิน 4 ครั้ง/ปี ผ่านกองทุนหลัก JPMorgan Funds – Global Healthcare Fund, Class A (acc)​ - USD

เลือกลงทุนได้ 2 รูปแบบ

K-GHEALTH

เติบโตไปกับเทรนด์ดูแลสุขภาพ
พร้อมโอกาสรับเงินปันผลระหว่างลงทุน

KGHRMF

ให้พอร์ตเกษียณสุขภาพดี
พร้อมรับสิทธิประโยชน์ทาง
ภาษีเมื่อลงทุนตามเงื่อนไข

ผลการดำเนินงานย้อนหลังกองทุน K-GHEALTH

K-GHEALTH

ต้นปีถึง
ปัจจุบัน
-1.43%
3 เดือน
1.88%
6 เดือน
1.48%
1 ปี (ต่อปี)
-1.21%
3 ปี (ต่อปี)
2.32%
5 ปี (ต่อปี)
4.85%
ตั้งแต่จัดตั้ง
(ต่อปี)
4.59%

ดัชนีชี้วัด

ต้นปีถึง
ปัจจุบัน
0.20%
3 เดือน
3.46%
6 เดือน
5.33%
1 ปี (ต่อปี)
6.18%
3 ปี (ต่อปี)
7.41%
5 ปี (ต่อปี)
8.08%
ตั้งแต่จัดตั้ง
(ต่อปี)
7.89%

• ข้อมูล ณ วันที่ 29 ส.ค. 66 • กองทุนจัดตั้งเมื่อวันที่ 26 พ.ย. 57 • ดัชนีชี้วัด MSCI World Healthcare Index • ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้ยืนยันอนาคต

ตัวอย่างหุ้นบริษัทที่กองทุน K-GHEALTH ลงทุน

(ข้อมูล ณ วันที่ 1 ก.ย. 66)
United Health:
บริษัทประกันสุขภาพและให้บริการจัดการระบบสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ
Astra Zeneca:
บริษัทยาและชีวเภสัชภัณฑ์ หนึ่งในผู้ผลิตวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19
Thermo Fisher Scientific:
ผู้นำระดับโลกด้านการให้บริการทางวิทยาศาสตร์

K-GHEALTH มีนโยบายจ่ายเงินปันผล

ตั้งแต่ปี 57 – มิ.ย. 66 ปันผลมาแล้ว 12 ครั้ง
รวมเป็นเงิน 2.90 บาทต่อหน่วย

กองทุน K-GHEALTH ติดอันดับ 4 ดาว
Morningstar

ข้อมูล ณ 31 ก.ค. 66
ได้รับรางวัล Platinum award ในกลุ่ม “Global Equity” ประจำปี 2566
จาก Fund Selector Asia awards
พิเศษ! ลดค่าธรรมเนียมซื้อ
(Front end fee)
จาก 1.5% เหลือ 1%

เมื่อลงทุน 500,000 บาทขึ้นไป
ระหว่างวันที่ 2 ต.ค. – 28 ธ.ค. 66

เปรียบเทียบกองทุน K-GHEALTH กับกองทุนอื่นๆ

คำถามที่พบบ่อย

เกี่ยวกับการลงทุนหุ้นสุขภาพ

หุ้นกลุ่มสุขภาพประกอบด้วยอุตสาหกรรมย่อยที่มีลักษณะเป็นหุ้น Defensive และ Growth

  • หุ้น Defensive ได้แก่ กลุ่มยา (Pharmaceuticals) และกลุ่มผู้ให้บริการด้านสุขภาพ (Healthcare Services) มีความอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจต่ำ เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีความจำเป็นและมีรายได้สม่ำเสมอ
  • หุ้น Growth ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotech) และกลุ่มเทคโนโลยีทางการแพทย์ (Medtech) มีการเติบโตสูงกว่าอุตสาหกรรมย่อยอื่นๆ จากการค้นพบนวัตกรรมใหม่ๆ
ทั้งนี้ ความผันผวนของหุ้นสุขภาพต่ำกว่าหุ้นโลกทั้งในช่วง 5 ปีย้อนหลัง (15% เทียบกับ 18%) และ 10 ปีย้อนหลัง (13% เทียบกับ 15%) ที่มา Morningstar ณ 31 มีนาคม 2566

ภาพรวมการลงทุนในกลุ่มสุขภาพยังน่าสนใจจากความก้าวหน้าทางวิทยาการและเทคโนโลยี การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ สภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่สนับสนุนนวัตกรรมด้านสุขภาพ และความต้องการด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยผู้บริโภคยอมจ่ายหากมีหลักฐานว่านวัตกรรมนั้นๆ เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพจริง และกองทุนหลักยังเน้นลงทุนในหุ้นที่มีนวัตกรรมการรักษาใหม่หรือเทคโนโลยีต่างๆ

ธนาคารกลางเริ่มขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ชะลอลง ช่วยลดแรงกดดันในแง่ Valuation ให้กับ Sub-sector บางประเภท เช่น Biotech ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนใหญ่ของกองทุน อีกทั้งปัจจัยเสี่ยงด้านการเมืองของบริษัทสุขภาพในสหรัฐฯค่อนข้างน้อยในระยะกลาง-ยาว หรือจนกว่าจะมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ในสหรัฐฯ หลายครั้งการควบคุมราคายาและบริการด้านการแพทย์มักจะถูกนำมาเป็นนโยบายหาเสียง ดังนั้นการไม่ควบคุมราคายาหรือบริการด้านการแพทย์จะจูงใจให้บริษัทคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆมากขึ้น

การลงทุนในหุ้นสุขภาพ จัดเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงเรื่องการกระจุกตัวในอุตสาหกรรม อย่างไรก็ดี ควรกระจายการเงินลงทุนในหลากหลายประเภทสินทรัพย์, ภูมิภาค และอุตสาหกรรม ตามความเสี่ยงที่รับได้ด้วย

เกี่ยวกับกองทุน K-GHEALTH

กองทุนหลักลงทุนในหุ้นกลุ่มสุขภาพที่มีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เน้น 4 ธีมการลงทุนหลัก

  1. ยา (Pharmaceuticals)
  2. เทคโนโลยีชีวภาพ (Biotech)
  3. เทคโนโลยีทางการแพทย์ (Medtech)
  4. ผู้ให้บริการด้านสุขภาพ (Healthcare Services)
พร้อมเปิดโอกาสรับผลตอบแทนจากหุ้นหลายสไตล์ (Defensive และ Growth) และหลากหลายอุตสาหกรรมย่อย รวมถึงมีทรัพยากรในการวิเคราะห์หุ้นขนาดกลางและเล็กที่ไม่ค่อยมีนักวิเคราะห์ในตลาดครอบคลุม ทำให้สามารถคัดเลือกหุ้นที่ไม่ได้อยู่ในดัชนีชี้วัด MSCI World Healthcare ได้

ทั้งสองกองทุนลงทุนในกองทุนหลักเดียวกัน คือ JPMorgan Funds – Global Healthcare Fund, Class A (acc) – USD แตกต่างกันที่นโยบายการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน โดย K-GHEALTH ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 75% ของมูลค่าเงินลงทุนต่างประเทศ ส่วน K-GHEALTH(UH) ไม่ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ผู้ที่ต้องการลงทุนในหุ้นสุขภาพทั่วโลกแต่อยากลดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนควรเลือกลงทุนกองทุน K-GHEALTH ที่มีนโยบายการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

ไม่ควร เนื่องจากการจับจังหวะเข้าลงทุนเองโดยความเชี่ยวชาญที่ต่ำ จะทำให้มีโอกาสขาดทุนได้สูง ควรใช้วิธีเฉลี่ยลงทุน (DCA – Dollar Cost Average) เพื่อลดโอกาสการขาดทุน

นักลงทุนควรลงทุนอย่างน้อย 5 ปี เพื่อเปิดโอกาสให้ราคาสามารถสะท้อนถึงศักยภาพการเติบโตในระยะยาวของธุรกิจได้เต็มที่ จึงจะช่วยลดโอกาสขาดทุนจากการลงทุนได้ ขณะที่ การลงทุนระยะสั้นหรือเก็งกำไรมีโอกาสสูงมากที่จะขาดทุน

เกี่ยวกับการเริ่มต้นลงทุน

สามารถเปิดบัญชีกองทุนรวมได้เองทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ต้องไปสาขา โดยเตรียมเลขที่บัญชีออมทรัพย์ และข้อมูลตามบัตรประชาชนให้เรียบร้อย

  • หากมีบัญชีออมทรัพย์ KBank และมีแอป K PLUS แล้ว กดเปิดบัญชีผ่านเมนู “ลงทุน” ได้เลย
  • หากมีบัญชีออมทรัพย์ SCB, KTB เลือกเปิดบัญชีกองทุนผ่าน K-My Funds

สำหรับผู้ที่มีบัญชีกองทุนรวมอยู่แล้ว กดซื้อได้เลยง่ายๆ ผ่านแอป K PLUS หรือ K-My Funds และช่องทางออนไลน์ที่ K-Cyber Invest หรือที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา

K PLUS และ K-My Funds สามารถทำรายการซื้อ-ขาย กองทุนรวมของ กองทุนรวมของ KAsset ได้ทั้ง 2 แอปพลิเคชัน

K-My Funds เป็นแอปพลิเคชันเกี่ยวกับกองทุนรวมโดยเฉพาะ ดังนั้นจะมีข้อมูลและฟังก์ชันเชิงลึกมากกว่า เช่น พอร์ตการลงทุนแนะนำตามความเสี่ยง การแจ้งเตือนและให้คำแนะนำเกี่ยวกับกองทุนที่ถืออยู่ และการปรับพอร์ตลงทุน พร้อมทั้งยังมี โปรแกรมช่วยคำนวณภาษี และ การแสดงยอดเงินลงทุนกองทุน RMF/SSF/LTF รายปี เป็นต้น

K PLUS ช่วยรวบรวมข้อมูลการลงทุนของคุณใน app เดียว ทั้งเงินฝาก กองทุน และหุ้น และยังมีฟังก์ชันช่วยวางแผนการลงทุนผ่าน Wealth Plus บริการช่วยวางแผนการลงทุนส่วนตัว โดยจะช่วยกำหนดเป้าหมายการลงทุน ช่วยเลือกกองทุนที่พิจารณาแล้วว่ามีการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนที่ดี มีโอกาสทำกำไร และมีความเหมาะสมกับระดับความเสี่ยงของแผนการลงทุนที่เลือก ทั้งยังคอยดูแลแผนการลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมายตลอดเวลาอีกด้วย

• ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้ยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
• กองทุน K-GHEALTH ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 75% ของมูลค่าเงินลงทุนต่างประเทศ เนื่องจากกองทุนไม่ได้ป้องกัน
ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
• การลงทุนในหุ้นต่างประเทศอาจมีราคาผันผวนตามสภาวะตลาดและค่าเงิน
• ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
• สนใจลงทุนและขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ www.kasikornasset.com
• ประมาณการอัตราผลตอบแทน หากลงทุนตามระยะเวลาที่แนะนำ