กองทุนแนะนำ

K-GHEALTH

ลงทุนหุ้นบริษัทสุขภาพทั่วโลก
พร้อมโอกาสรับเงินปันผล

ลงทุนหุ้นกลุ่มสุขภาพที่มี
ศักยภาพเติบโตอย่างต่อเนื่อง

เน้นใน 4 ธีม ได้แก่ 1.ยา 2.เทคโนโลยีชีวภาพ 3.เทคโนโลยีทางการแพทย์ 4.บริการด้านสุขภาพ

สังคมวัยสูงอายุทั่วโลกมีแนวโน้ม
เพิ่มสูงขึ้น

และนวัตกรรมใหม่ๆ ความก้าวหน้าทางวิทยาการ
และเทคโนโลยี รวมถึงความต้องการด้านสุขภาพ
ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก

ทีมผู้จัดการกองทุนหลักมากด้วย
ประสบการณ์เฉลี่ยกว่า 23 ปี

มีความเชี่ยวชาญในหุ้นกลุ่มสุขภาพ
(ที่มา: J.P. Morgan Asset Management
พ.ย. 66)

ทำไมต้อง K-GHEALTH กสิกรไทย

ลงทุนในหุ้นกลุ่มสุขภาพทั่วโลก เช่น บริษัทยา โรงพยาบาลชั้นนำ ที่มีแนวโน้มเติบโตและมีนโยบายจ่ายปันผล ไม่เกิน 4 ครั้ง/ปี ผ่านกองทุนหลัก JPMorgan Funds – Global Healthcare Fund, Class A (acc)​ - USD

เลือกลงทุนได้ 2 รูปแบบ

K-GHEALTH

เติบโตไปกับเทรนด์ดูแลสุขภาพ
พร้อมโอกาสรับเงินปันผลระหว่างลงทุน

KGHRMF

ให้พอร์ตเกษียณสุขภาพดี
พร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี เมื่อลงทุนตามเงื่อนไข

ผลการดำเนินงานย้อนหลังกองทุน K-GHEALTH

K-GHEALTH

ต้นปีถึง
ปัจจุบัน
1.74%
3 เดือน
6.40%
6 เดือน
4.07%
1 ปี (ต่อปี)
0.70%
3 ปี (ต่อปี)
-1.00%
5 ปี (ต่อปี)
7.08%
ตั้งแต่จัดตั้ง
(ต่อปี)
4.59%

ดัชนีชี้วัด

ต้นปีถึง
ปัจจุบัน
3.32%
3 เดือน
6.26%
6 เดือน
6.98%
1 ปี (ต่อปี)
4.38%
3 ปี (ต่อปี)
6.00%
5 ปี (ต่อปี)
10.25%
ตั้งแต่จัดตั้ง
(ต่อปี)
7.96%

• ข้อมูล ณ วันที่ 10 ม.ค. 67 • ดัชนีชี้วัด MSCI World Healthcare Index (Total Return Net) • กองทุนจัดตั้งเมื่อวันที่ 26 พ.ย. 57 • ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้ยืนยันอนาคต

ตัวอย่างหุ้นบริษัทที่กองทุน K-GHEALTH ลงทุน

(ณ 30 พ.ย. 66)
United Health:
บริษัทประกันสุขภาพและให้บริการจัดการระบบสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ
Johnson & Johnson:
บริษัทยาและเทคโนโลยีทางการแพทย์ระดับโลก
Regeneron Pharmaceuticals:
บริษัท Biotech ที่มีผลิตภัณฑ์ เช่น EYLEA ยาฉีดรักษาจอประสาทตาเสื่อม และ Libtayo ยาฉีดรักษามะเร็งผิวหนัง

K-GHEALTH มีนโยบายจ่ายเงินปันผล

ตั้งแต่ปี 57 – มิ.ย. 66 ปันผลมาแล้ว 12 ครั้ง
รวมเป็นเงิน 2.70 บาทต่อหน่วย
ได้รับรางวัล Platinum award ในกลุ่ม “Global Equity” ประจำปี 2566
จาก Fund Selector Asia awards

เปรียบเทียบกองทุน K-GHEALTH กับกองทุนอื่นๆ

คำถามที่พบบ่อย

เกี่ยวกับการลงทุนหุ้นสุขภาพ

หุ้นกลุ่มสุขภาพประกอบด้วยอุตสาหกรรมย่อยที่มีลักษณะเป็นหุ้น Defensive และ Growth

  • หุ้น Defensive ได้แก่ กลุ่มยา (Pharmaceuticals) และกลุ่มผู้ให้บริการด้านสุขภาพ (Healthcare Services) มีความอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจต่ำ เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีความจำเป็นและมีรายได้สม่ำเสมอ
  • หุ้น Growth ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotech) และกลุ่มเทคโนโลยีทางการแพทย์ (Medtech) มีการเติบโตสูงกว่าอุตสาหกรรมย่อยอื่นๆ จากการค้นพบนวัตกรรมใหม่ๆ

ภาพรวมการลงทุนในกลุ่มสุขภาพในระยะยาวยังน่าสนใจ จากความก้าวหน้าทางวิทยาการและเทคโนโลยี การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ สภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่สนับสนุนนวัตกรรมด้านสุขภาพ และความต้องการด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยผู้บริโภคยอมจ่ายหากมีหลักฐานว่านวัตกรรมนั้นๆ เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพจริง และกองทุนหลักยังเน้นลงทุนในหุ้นที่มีนวัตกรรมการรักษาใหม่หรือเทคโนโลยีต่างๆ ในระยะกลาง ตลาดมองว่า Fed จบรอบการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว ช่วยลดแรงกดดันในแง่ Valuation ให้กับ Sub-sector บางกลุ่ม เช่น Biotech ซึ่งคิดเป็นกลุ่มที่กองทุนหลักให้น้ำหนักมากกว่าดัชนีชี้วัดค่อนข้างมาก

ปัจจัยเสี่ยงด้านการเมืองในสหรัฐฯ ที่จะมีการเลือกตั้งเดือนพ.ย. 2567 หลายครั้งการควบคุมราคายาและบริการด้านการแพทย์มักจะถูกนำมาเป็นนโยบายหาเสียง ซึ่งในปัจจุบันไม่มีการควบคุมราคายาหรือบริการด้านการแพทย์ จูงใจให้บริษัทคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆมากขึ้น อย่างไรก็ดี ตอนนี้นโยบายหาเสียงที่เกี่ยวข้องกับบริษัทสุขภาพเป็นประเด็นที่ต้องจับตา

การลงทุนในหุ้นสุขภาพ จัดเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงเรื่องการกระจุกตัวในอุตสาหกรรม อย่างไรก็ดี ควรกระจายการเงินลงทุนในหลากหลายประเภทสินทรัพย์, ภูมิภาค และอุตสาหกรรม ตามความเสี่ยงที่รับได้ด้วย โดยตามพอร์ตแนะนำ Core-Satellite ณ เดือน ม.ค. 2567 สำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง-สูง แนะนำให้ลงทุน K-GHEALTH ไม่เกิน 5% ของพอร์ต

เกี่ยวกับกองทุน K-GHEALTH

กองทุนหลักลงทุนในหุ้นกลุ่มสุขภาพที่มีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เน้น 4 ธีมการลงทุนหลัก

  1. ยา (Pharmaceuticals)
  2. เทคโนโลยีชีวภาพ (Biotech)
  3. เทคโนโลยีทางการแพทย์ (Medtech)
  4. ผู้ให้บริการด้านสุขภาพ (Healthcare Services)
พร้อมเปิดโอกาสรับผลตอบแทนจากหุ้นหลายสไตล์ (Defensive และ Growth) และหลากหลายอุตสาหกรรมย่อย รวมถึงมีทรัพยากรในการวิเคราะห์หุ้นขนาดกลางและเล็กที่ไม่ค่อยมีนักวิเคราะห์ในตลาดครอบคลุม ทำให้สามารถคัดเลือกหุ้นที่ไม่ได้อยู่ในดัชนีชี้วัด MSCI World Healthcare ได้

ทั้งสองกองทุนลงทุนในกองทุนหลักเดียวกัน คือ JPMorgan Funds – Global Healthcare Fund, Class A (acc) – USD แตกต่างกันที่นโยบายการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน โดย K-GHEALTH ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 75% ของมูลค่าเงินลงทุนต่างประเทศ ส่วน K-GHEALTH(UH) ไม่ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ผู้ที่ต้องการลงทุนในหุ้นสุขภาพทั่วโลกแต่อยากลดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนควรเลือกลงทุนกองทุน K-GHEALTH ที่มีนโยบายการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

ไม่ควร เนื่องจากการจับจังหวะเข้าลงทุนเองโดยความเชี่ยวชาญที่ต่ำ จะทำให้มีโอกาสขาดทุนได้สูง ควรใช้วิธีเฉลี่ยลงทุน (DCA – Dollar Cost Average) เพื่อลดโอกาสการขาดทุน

นักลงทุนควรลงทุนอย่างน้อย 5 ปี เพื่อเปิดโอกาสให้ราคาสามารถสะท้อนถึงศักยภาพการเติบโตในระยะยาวของธุรกิจได้เต็มที่ จึงจะช่วยลดโอกาสขาดทุนจากการลงทุนได้ ขณะที่ การลงทุนระยะสั้นหรือเก็งกำไรมีโอกาสสูงมากที่จะขาดทุน

เกี่ยวกับการเริ่มต้นลงทุน

สามารถเปิดบัญชีกองทุนรวมได้เองทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ต้องไปสาขา โดยเตรียมเลขที่บัญชีออมทรัพย์ และข้อมูลตามบัตรประชาชนให้เรียบร้อย

  • หากมีบัญชีออมทรัพย์ KBank และมีแอป K PLUS แล้ว กดเปิดบัญชีผ่านเมนู “ลงทุน” ได้เลย
  • หากมีบัญชีออมทรัพย์ SCB, KTB เลือกเปิดบัญชีกองทุนผ่าน K-My Funds

สำหรับผู้ที่มีบัญชีกองทุนรวมอยู่แล้ว กดซื้อได้เลยง่ายๆ ผ่านแอป K PLUS หรือ K-My Funds และช่องทางออนไลน์ที่ K-Cyber Invest หรือที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา

K PLUS และ K-My Funds สามารถทำรายการซื้อ-ขาย กองทุนรวมของ กองทุนรวมของ KAsset ได้ทั้ง 2 แอปพลิเคชัน

K-My Funds เป็นแอปพลิเคชันเกี่ยวกับกองทุนรวมโดยเฉพาะ ดังนั้นจะมีข้อมูลและฟังก์ชันเชิงลึกมากกว่า เช่น พอร์ตการลงทุนแนะนำตามความเสี่ยง การแจ้งเตือนและให้คำแนะนำเกี่ยวกับกองทุนที่ถืออยู่ และการปรับพอร์ตลงทุน พร้อมทั้งยังมี โปรแกรมช่วยคำนวณภาษี และ การแสดงยอดเงินลงทุนกองทุน RMF/SSF/LTF รายปี เป็นต้น

K PLUS ช่วยรวบรวมข้อมูลการลงทุนของคุณใน app เดียว ทั้งเงินฝาก กองทุน และหุ้น และยังมีฟังก์ชันช่วยวางแผนการลงทุนผ่าน Wealth Plus บริการช่วยวางแผนการลงทุนส่วนตัว โดยจะช่วยกำหนดเป้าหมายการลงทุน ช่วยเลือกกองทุนที่พิจารณาแล้วว่ามีการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนที่ดี มีโอกาสทำกำไร และมีความเหมาะสมกับระดับความเสี่ยงของแผนการลงทุนที่เลือก ทั้งยังคอยดูแลแผนการลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมายตลอดเวลาอีกด้วย

• กองทุน K-GHEALTH ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 75% ของมูลค่าเงินลงทุนต่างประเทศ เนื่องจากกองทุนไม่ได้ป้องกัน
ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
• การลงทุนในหุ้นต่างประเทศอาจมีราคาผันผวนตามสภาวะตลาดและค่าเงิน
• ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
• สนใจลงทุนและขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ www.kasikornasset.com