เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวชัดเจน จากการสนับสนุนด้านนโยบายจากภาครัฐ
ทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการผ่อนคลายนโยบายควบคุมในหลายด้าน
จีนเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่แห่งเดียวที่แรงกดดันจากเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ
ธนาคารกลางจึงสามารถใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปได้ ต่างจากประเทศแกนหลักอื่นๆ ที่ใช้นโยบายตึงตัวมากขึ้น
ระดับราคาหุ้นต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวในอดีต และมีแนวโน้มที่รายได้และกำไรจะเติบโตสูงขึ้น
สำหรับผู้ที่อยากได้รับผลตอบแทน
ระหว่างลงทุนตั้งแต่ปี 2554 – มี.ค. 2566
รวมเป็นเงิน 5.45 บาทต่อหน่วย
สำหรับผู้ที่อยากรับผลตอบแทน
เป็นเงินก้อนใหญ่
โดยไม่ต้องการเงินปันผลระหว่างลงทุน
ลงทุนระยะยาว 10 ปี
พร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเมื่อลงทุนตามเงื่อนไข
ลงทุนเติบโตเพื่อวัยเกษียณ
พร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเมื่อลงทุนตามเงื่อนไข
K-CHINA-A(D)
ดัชนีชี้วัด
ข้อมูล ณ วันที่ 30 มี.ค. 66 / ดัชนีชี้วัด (Benchmark) : MSCI China 10/40 Index (Total Return Net) USD / กองทุนมีผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย. 52 / ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันผลตอบแทนในอนาคต
(ข้อมูล ณ วันที่ 31 มี.ค. 66)
Tencent Holdings ADR
1 ใน 10 อันดับบริษัทเทคโนโลยีที่มีมูลค่าบริษัท (Market Cap.) สูงสุดของโลก เจ้าของ Application WeChat ที่มีคนใช้บริการมากกว่า 1 พันล้านคน
Meituan
เจ้าของ Application สั่งอาหารอันดับหนึ่งของจีน ครอบคลุมทั้งเรื่องอาหาร ที่พัก และการเดินทาง
JD.com
บริษัท E-Commerce อันดับ 2 ของจีน รองจาก Alibaba
ALIBABA
บริษัทจีน หนึ่งในผู้นำธุรกิจครบวงจร ครอบคลุม ตั้งแต่ E-commerce เช่น Lazada ธุรกิจ Cloud Service ธุรกิจ Fintech เช่น Alipay
Pinduoduo
บริษัท E-Commerce อันดับ 3 ของจีน มีโมเดลที่ให้ผู้ซื้อสินค้า สามารถรวมตัวกันเป็นกลุ่ม เพื่อมาซื้อสินค้าในราคาที่ถูกกว่า
กองทุนหลักติดอันดับ 4 ดาว Morningstar
ณ วันที่ 31 มี.ค. 66
ผู้จัดการกองทุนหลักที่มากประสบการณ์กว่า 28 ปี
ที่มา: J.P. Morgan Asset Management 31 ธ.ค. 65
จากการลงทุนหุ้นจีนในทุกตลาด
A Share
หุ้นที่ศักยภาพสูงที่จดทะเบียนในจีนแผ่นดินใหญ่ แข็งแกร่งจากการบริโภคและการพัฒนานวัตกรรมในประเทศ
เช่น หุ้นบริษัท Tongwei Co, Contemporary Amperex Technology, China Yangtze Power Co
H Share
หุ้นเติบโตสูงที่จดทะเบียนในฮ่องกง เน้นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
เช่น หุ้นบริษัท Tencent, Meituan, NetEase, China Merchants Bank
ADR
หุ้นจีนที่จดทะเบียนในอเมริกา
เช่น หุ้นบริษัท Pinduoduo
• Red-chips บริษัทจีนที่มีรัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้น จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง
• P-chips
บริษัทจีนที่มีเอกชนเป็นผู้ถือหุ้น จดทะเบียนนตลาดหุ้นฮ่องกง
ลงทุนหุ้นจีนขนาดใหญ่ที่สุด 50 ตัวแรก
ในตลาด A-Share
เกาะกระแสเศรษฐกิจ ค่าธรรมเนียมต่ำ
ตลาดหุ้นจีนได้เผชิญแรงกดดันต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2564 ทั้งจากการจัดระเบียบของรัฐบาลจีนในหลายด้าน การผิดชำระหนี้ในภาคอสังหาริมทรัพย์
อีกทั้งจีนยังเผชิญกับแรงกดดันจากโควิด-19 ระบาด ทำให้เกิดการล็อกดาวน์เมืองใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง และหลายเมืองอื่นๆ ส่งผลต่อการบริโภคและห่วงโซ่อุปทานในประเทศ
อย่างไรก็ดี เรามีมุมมองว่าในปี 2566 นี้จะเป็นปีแห่งการฟื้นตัวของตลาดหุ้นจีน โดยตั้งแต่ปลายปี 2565 ตลาดหุ้นจีนมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากการเปิดเมืองที่เร็วกว่าคาด
และยังได้รับแรงหนุนต่อเนื่องจากปัจจัยพื้นฐานในประเทศ ทั้งแผนกระตุ้นและสนับสนุนเศรษฐกิจในอีกหลายภาคส่วน การผ่อนคลายการควบคุมกฎระเบียบในกลุ่มเทคฯและอสังหาฯ
ตัวเลขเศรษฐกิจที่มีพัฒนาการดีอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่หนึ่งเดียวที่แรงกดดันทางด้านเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้นโยบายการเงินยังเป็นไปอย่างผ่อนคลาย นอกจากนี้ ภาคการบริโภคมีแนวโน้มฟื้นตัวได้โดดเด่น จากเงินออมของชาวจีนที่สูงเป็นประวัติการณ์ ในแง่ระดับราคาหุ้นจีน ได้ปรับตัวลงมาอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว และยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าตลาดหุ้นหลักอื่นๆของโลก จึงเป็นโอกาสดีสำหรับการเข้าลงทุนกองทุนหุ้นจีน เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
HSCEI Index สำหรับหุ้นจีน H-shares
https://www.investing.com/indices/hang-seng-china-enterprises
SHCOMP Index สำหรับหุ้นจีน A-shares
https://www.investing.com/indices/shanghai-composite
ตลาดหุ้นจีนโดยรวมถือว่ามีความอ่อนไหวสูงตามทิศทางการดำเนินนโยบายหรือกฏระเบียบจากรัฐบาล นอกจากนี้ หุ้นจีน A-shares มีนักลงทุนรายย่อยเป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างสูง ซึ่งมักลงทุนในระยะสั้นกว่านักลงทุนสถาบัน และเน้นเก็งกำไร ราคาหุ้นจึงมีความผันผวนสูง และอ่อนไหวต่อข่าวสารต่างๆ ได้ง่าย
K-CHINA ลงทุนใน Class I (ซึ่งมีค่าใช้จ่ายรายปีต่ำสุดเมื่อเทียบกับ Class อื่นๆ) แต่เนื่องจากมีผลตอบแทนย้อนหลังที่สั้น ผู้ลงทุนอาจดู Class C ที่มีผลตอบแทนย้อนหลังที่ยาวมากขึ้น ทั้งนี้ ทั้ง 2 Class มีนโยบายการลงทุนรูปแบบเดียวกันและมีผลการดำเนินงานที่ใกล้กันมาก
https://am.jpmorgan.com/lu/en/asset-management/adv/products/jpm-china-c-acc-usd-lu0129472758#
Class ที่ค่าใช้จ่ายรายปีต่ำกว่า จะส่งผลให้ผลการดำเนินระยะยาวดีกว่า
เนื่องจากการลงทุนตลาดหุ้นจีนมีความผันผวนสูง นักลงทุนจึงควรตั้งเป้าหมายการลงทุนอย่างน้อย 5 ปี การลงทุนในระยะสั้นมีโอกาสเห็นการขาดทุนได้สูงจะปัจจัยลบต่างๆ ขณะที่การลงทุน ในระยะยาวจะเปิดโอกาสให้ราคาสามารถสะท้อนถึงศักยภาพการเติบโตในระยะยาว ของธุรกิจได้เต็มที่ จึงช่วยลดโอกาสขาดทุนจากการลงทุนได้ ขณะที่การลงทุนระยะสั้นหรือเก็งกำไรมีโอกาสสูงมากที่จะขาดทุน
ไม่ควร การจับจังหวะเข้าลงทุนเองโดยความเชี่ยวชาญที่ต่ำ มีโอกาสขาดทุนสูง ควรใช้วิธีเฉลี่ยลงทุน (DCA – Dollar Cost Average) เพื่อลดโอกาสการขาดทุน
หากต้องการเพิ่มน้ำหนักในพอร์ต สามารถทยอยเข้าสะสมเพิ่มเติมได้ เพื่อเฉลี่ยต้นทุน หรือสะสมสำหรับการลงทุนระยะยาวได้ หากมีน้ำหนักหุ้นจีนในพอร์ตการลงทุนมากแล้ว สามารถถือต่อเพื่อรอโอกาสรับผลตอบแทนที่ดี
ผู้จัดการกองทุนหลักมีหน้าที่คัดเลือกหุ้นที่จะลงทุน และผู้จัดการกองทุน KAsset มีหน้าที่บริหารให้กองทุนมีผลตอบแทนใกล้เคียงกับกองทุนหลัก ผ่านการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนมากกว่า 75% ของ NAV และติดตามสถานการณ์การลงทุนอย่างใกล้ชิด หากกองทุนหลักมีผลตอบแทนที่ต่ำกว่าคู่แข่งและหรือดัชนีชี้วัดในระยะยาว อาจจะพิจารณาเปลี่ยนกองทุนหลักเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ลงทุน
ทั้ง 2 กองทุน ลงทุนรูปแบบเดียวกันทั้งหมด ทั้งกองทุนหลักและวิธีการบริหาร แตกต่างกันที่นโยบายจ่ายเงินปันผลเท่านั้น K-CHINA-A(A) เป็นชนิดใหม่ (เปิดขายตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2564) สำหรับผู้ลงทุนที่ชอบสะสมผลตอบแทนและไม่ต้องการเสียภาษีจากการรับเงินปันผล
สามารถเปิดบัญชีกองทุนรวมได้เองทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ต้องไปสาขา โดยเตรียมเลขที่บัญชีออมทรัพย์ และข้อมูลตามบัตรประชาชนให้เรียบร้อย
สำหรับผู้ที่มีบัญชีกองทุนรวมอยู่แล้ว กดซื้อได้เลยง่ายๆ ผ่านแอป K PLUS หรือ K-My Funds และช่องทางออนไลน์ที่ K-Cyber Invest หรือที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา