กระจายลงทุนในสินทรัพย์ได้
ทุกประเภท (Diversified)
ไม่ว่าจะเป็น
เงินฝาก ตราสารหนี้
หุ้น สินทรัพย์ทางเลือก
เน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่
จ่ายผลตอบแทนสม่ำเสมอ
ในทุกสภาวะตลาด (Income)
กองทุน K-GINCOME-A(R)
ลงทุนได้ทุกช่วงทุกเวลา เพราะมีการ
ปรับสัดส่วนการลงทุนให้ทัน
กับสภาวะตลาด (Dynamic)
(ผู้ลงทุนจะไม่ได้รับเงินปันผล)
ลงทุนแบบสะสมผลตอบแทน
เพื่อให้เงินทุนเติบโตในระยะยาว
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรับเงินก้อน หรือ
ชอบซื้อ-ขาย
ทำกำไรด้วยตนเอง
(ผู้ลงทุนจะได้รับเงินคล้ายปันผลแต่ไม่เสียภาษี)
ลงทุนแบบทยอยรับผลตอบแทนในทุกเดือน
โดยกองทุนจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ
สูงสุดไม่เกิน 12 ครั้งต่อปี
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรับรายได้
สม่ำเสมอทุกเดือน
(มีนโยบายจ่ายเงินปันผล)
ลงทุนระยะยาว พร้อมรับสิทธิประโยชน์
ทางภาษีเมื่อลงทุนตามเงื่อนไข
และมีโอกาสรับเงินปันผลระหว่างลงทุน
ไม่เกิน 4 ครั้ง/ต่อปี
(ไม่มีนโยบายปันผล)
ลงทุนกระจายความเสี่ยง
ลดความผันผวนของพอร์ตเกษียณ
พร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
ดัชนี Bloomberg Barclays US High Yield 2% Issuer Cap Index (Total Return Gross) Hedged to
USD ร้อยละ 40 / ดัชนี MSCI World Index (Total Return Net) Hedged to USD
ร้อยละ 35 / ดัชนี Bloomberg Barclays Global
Credit Index (Total Return Gross) Hedged to USD ร้อยละ 25
ปรับด้วยต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน
เพื่อเทียบกับค่าสกุลเงินบาท ณ วันที่คำนวณผลตอบแทน
ตามสัดส่วนการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน / ผลการดำเนินงานในอดีต
มิได้เป็นสิ่งยืนยันอนาคต /
ข้อมูล ณ 30 ธ.ค. 65 /
กองทุนจัดตั้งเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 58
รับรายได้สม่ำเสมอเฉลี่ยประมาณ 4% ต่อปี*
จากการทยอยรับผลตอบแทนสูงสุด 12 ครั้งต่อปี
โดยกองทุนจ่ายผลตอบแทนได้อย่างต่อเนื่อง
ทุกเดือน
ตั้งแต่จัดตั้งกองทุน
ปรับสัดส่วนการลงทุน
ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาวะตลาด
ตราสารหนี้ที่ให้ดอกเบี้ยสูง
แต่มีความเสี่ยงสูงกว่า
ตราสารหนี้แบบ Investment Grade
อาทิ หุ้นบริษัททางด่วน
คลังสินค้าให้เช่าและ
ระบบสาธารณูปโภคที่มีสัญญาการจ่าย
ผลตอบแทนระยะยาวอย่างสม่ำเสมอ
หุ้นบริษัทต่างประเทศที่มี
ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง
สามารถจ่ายปันผลได้อย่างสม่ำเสมอ
คือกองทุนที่กระจายการลงทุนในสินทรัพย์ได้ทุกประเภท ทั้งสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ
เช่น เงินฝาก ตราสารหนี้
และสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น หุ้น สินทรัพย์ทางเลือก เป็นต้น
โดยสามารถลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศได้
ขึ้นอยู่กับนโยบายการลงทุนของแต่ละกองทุน
โดยมีผู้จัดการกองทุนเป็นผู้ปรับสัดส่วนสินทรัพย์แต่ละประเภทให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดในช่วงเวลานั้นๆ
เนื่องจากไม่สามารถคาดเดาได้ว่าสินทรัพย์ประเภทใดจะให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดในแต่ละช่วงเวลา ดังนั้นการกระจายลงทุนจะช่วยกระจายความเสี่ยงให้พอร์ต มากกว่าการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใดประเภทหนึ่งเพียงอย่างเดียว อีกทั้งช่วยให้ความผันผวนของราคาลดลงและจำกัดโอกาสการขาดทุนจำนวนมาก ในขณะที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจได้ในทุกภาวะตลาด
แนะนำควรถือครองกองทุนตั้งแต่ 3-5 ปี เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนตามเป้าหมาย และลดโอกาสขาดทุนในระยะสั้นๆ
มีโอกาส เพราะ ราคาของกองทุนมีการเคลื่อนไหวตามราคาตลาดของสินทรัพย์ลงทุนในขณะนั้นๆ เช่น หากหุ้นที่กองทุนลงทุนอยู่ปรับตัวลงตามสภาวะตลาด ซึ่งราคาของกองทุนก็จะปรับลดตาม หากหุ้นตัวนั้นๆ ยังสามารถจ่ายปันผลได้ กองทุนก็ยังคงมีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นผู้ลงทุนควรถือกองทุนระยะยาว 3-5 ปี เพื่อลดโอกาสขาดทุน
เท่ากัน เพราะทั้ง 2 กองทุนลงทุนในกองทุนหลักเดียวกัน ผลตอบแทนจึงเท่ากัน โดย K-GINCOME-A(A) สะสมผลตอบแทนไปลงทุนต่อเนื่อง และ K-GINCOME-A(R) จ่ายผลตอบแทนออกมาอัตโนมัติ
ยังไม่เคยเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เนื่องจากกลยุทธ์ของกองทุนกระจายลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอมากกว่า 3,000 ตัว ทำให้ที่ผ่านมากองทุนสามารถจ่ายผลตอบแทนได้อย่างสม่ำเสมอ
สามารถเปิดบัญชีกองทุนรวมได้เองทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ต้องไปสาขา โดยเตรียมเลขที่บัญชีออมทรัพย์ และข้อมูลตามบัตรประชาชนให้เรียบร้อย
สำหรับผู้ที่มีบัญชีกองทุนรวมอยู่แล้ว กดซื้อได้เลยง่ายๆ ผ่านแอป K PLUS หรือ K-My Funds และช่องทางออนไลน์ที่ K-Cyber Invest หรือที่ ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา
K PLUS และ K-My Funds สามารถทำรายการซื้อ-ขาย กองทุนรวมของ กองทุนรวมของ KAsset ได้ทั้ง 2 แอปพลิเคชัน
K-My Funds เป็นแอปพลิเคชันเกี่ยวกับกองทุนรวมโดยเฉพาะ ดังนั้นจะมีข้อมูลและฟังก์ชันเชิงลึกมากกว่า เช่น พอร์ตการลงทุนแนะนำตามความเสี่ยง การแจ้งเตือนและให้คำแนะนำเกี่ยวกับกองทุนที่ถืออยู่ และการปรับพอร์ตลงทุน พร้อมทั้งยังมี โปรแกรมช่วยคำนวณภาษี และ การแสดงยอดเงินลงทุนกองทุน RMF/SSF/LTF รายปี เป็นต้น
K PLUS ช่วยรวบรวมข้อมูลการลงทุนของคุณใน app เดียว ทั้งเงินฝาก กองทุน และหุ้น และยังมีฟังก์ชันช่วยวางแผนการลงทุนผ่าน Wealth Plus บริการช่วยวางแผนการลงทุนส่วนตัว โดยจะช่วยกำหนดเป้าหมายการลงทุน ช่วยเลือกกองทุนที่พิจารณาแล้วว่ามีการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนที่ดี มีโอกาสทำกำไร และมีความเหมาะสมกับระดับความเสี่ยงของแผนการลงทุนที่เลือก ทั้งยังคอยดูแลแผนการลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมายตลอดเวลาอีกด้วย
*อัตราผลตอบแทนที่ใช้เป็นตัวชี้วัด หากลงทุนตามระยะเวลาที่แนะนำ