ภาพรวมการลงทุน
            
                ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ1,380.18 จุด ณ 30 พ.ย. 2566 ลดลง 0.1%
                ปัจจัยที่ยังคงกดดันตลาดหุ้นไทยส่วนใหญ่มาจากปัจจัยในประเทศ
                เช่น ผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ของบริษัทจดทะเบียนที่ยังออกมาต่ำกว่าที่คาดนำไปสู่การปรับลดคาดการณ์
                การปรับตัวลงของหุ้นขนาดใหญ่บางตัวจากปัจจัยเฉพาะตัว โมเมนตัมของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาช้ากว่าที่คาดไว้
                รวมถึงการปรับลดประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยทั้งจากสภาพัฒน์ และธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งนี้
                ยังเห็นนักลงทุนต่างชาติมีการขายหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง กดดันให้ดัชนีฯ ปรับตัวหลุดระดับ 1,400 จุด
                ในช่วงปลายเดือน
            
             
            
            พอร์ตการลงทุน กองทุนมีผลการดำเนินงาน -0.07%
                ใกล้เคียงกับดัชนีชี้วัดที่ทำได้ -0.02%
            
             
            
            กลยุทธ์และมุมมองการลงทุน
            
                - 
                กลยุทธ์การลงทุนหลัก ยังคงเน้นการลงทุนรายหลักทรัพย์ (Stock Selection)
                ในหุ้นที่คาดว่าผลประกอบการจะฟื้นตัว /เติบโตได้ดี
                หุ้นที่น่าจะได้ประโยชน์จากนโยบายภาครัฐ/จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว
                หุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง
                มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งสามารถรับมือกับอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูง และยังมี Valuation
                อยู่ในระดับที่เหมาะสม เช่น หุ้นในกลุ่ม Commerce /Property Development /Tourism และ Healthcare
                
- 
                นอกจากนี้
                ยังคงใช้กลยุทธ์การปรับสัดส่วนการถือครองเงินสดเพื่อรองรับความผันผวนของตลาดหุ้นและใช้กลยุทธ์จับจังหวะเข้าสะสมหุ้นที่น่าสนใจในช่วงตลาดผันผวน
                รวมทั้งขายทำกำไร / ปรับลดน้ำหนักการลงทุนเมื่อราคาหุ้นที่ปรับสูงเกินกว่าปัจจัยพื้นฐานมาก
                หรือมีแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงด้อยลงไปจากที่คาดการณ์ไว้
                
 
            ที่มา : บลจ. กสิกรไทย (ข้อมูล ณ 30 พฤศจิกายน 2566)