กองทุนแนะนำ

Index Funds

กลุ่มกองทุนหุ้นดัชนีจากกสิกรไทย ลงทุนได้ครบทุกตลาดชั้นนำทั่วโลก เช่น จีน เอเชีย สหรัฐฯ และ ไทย ค่าธรรมเนียมต่ำ

ลงทุนในหุ้นใหญ่ที่สุดระดับ Top 50 หรือ Top 100 ของแต่ละประเทศ

เกาะกระแสตามเศรษฐกิจประเทศนั้นๆ ไม่ซับซ้อน จับจังหวะทำกำไรได้ง่ายขึ้น

ผลตอบแทนมีโอกาสเติบโตไปพร้อมกับ ตลาดหุ้นประเทศนั้นๆ

ค่าธรรมเนียมต่ำ เพิ่มโอกาสได้ผลตอบแทนมากขึ้น ลงทุน 500 บาท ได้หุ้นทั้งโลก

กองทุน Index Funds จากกสิกรไทย

มีมากถึง 12 กองทุน จำนวนมากที่สุดในตลาด ครอบคลุมทุกตลาดหุ้นที่สำคัญ ถึง 8 ตลาดใน 3 ทวีปทั่วโลก เช่น Nasdaq, S&P500, SET index, FTSE China A50

ทวีปอเมริกา 2 กองทุน

K-US500X K-USXNDQ แนะนำ

ไม่ต้องเสียเวลาเลือกหุ้นรายตัว ได้ของดีทั้งตลาด

K-ASIAX

GDP ของเอเชียเป็นภาพขาขึ้น
จากการเปิดประเทศและทยอยฟื้นตัวของจีน
ขณะที่เศรษฐกิจโลกโดยรวมชะลอตัวลง

icon

IMF คาดเศรษฐกิจเอเชีย
มีแนวโน้มโต 4.7% ในปีนี้
จาก 3.8% ในปี 2565 หลังภาวะติดขัดด้านห่วงโซ่อุปทานเริ่มคลี่คลาย และภาคบริการแข็งแกร่ง

icon

พลังการบริโภคมหาศาลในภูมิภาค
และแรงขับเคลื่อนจากนวัตกรรมเทคโนโลยี
เป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว

icon

ลงทุนหุ้นขนาดกลางและขนาดใหญ่กว่า 1,000 ตัว ตามดัชนี MSCI AC Asia ex Japan กระจายในหลายประเทศของเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) เช่น จีน เกาหลีใต้ และอินเดีย

ผลการดำเนินงานย้อนหลังกองทุน K-ASIAX

ตัวอย่าง 5 บริษัทที่กองทุน K-ASIAX ลงทุน

TSMC

บริษัทไต้หวันผู้ผลิต Semiconductor รายใหญ่ที่สุดในโลก โดดเด่นด้วยนวัตกรรมที่ล้ำสมัยและ Scale ขนาดใหญ่ ช่วยลดต้นทุนในการผลิต

TENCENT

บริษัทจีน 1 ใน 10 อันดับบริษัทเทคโนโลยีที่มีมูลค่าบริษัท (Market Cap.) สูงสุดของโลก เจ้าของ Application WeChat ที่มีคนใช้บริการมากกว่า 1 พันล้านคน

SAMSUNG ELECTRONICS

บริษัทสัญชาติเกาหลีใต้ ผู้นำด้านการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ระดับโลก ซึ่งรวมถึงสมาร์ทโฟน, ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า, เครื่องใช้สำนักงาน และส่วนประกอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

ALIBABA

บริษัทจีน หนึ่งในผู้นำธุรกิจครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่ E-commerce เช่น Lazada ธุรกิจ Cloud Service ธุรกิจ Fintech เช่น Alipay

AIA GROUP

กลุ่มบริษัทประกันชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง

สนใจลงทุน คลิก!

K-US500X

จับจังหวะเทรดหุ้นสหรัฐฯ เจ้าใหญ่ 500 ตัว ตามดัชนี S&P 500 กระจายหลายกลุ่ม เช่น เทคโนโลยี และสุขภาพ

ผลการดำเนินงานย้อนหลังกองทุน K-US500X

ต้นปีถึงปัจจุบัน
-12.84%
3 เดือน
-7.80%
6 เดือน
-9.40%
ตั้งแต่จัดตั้ง (ต่อปี)
-4.65%

ดัชนีชี้วัด

ต้นปีถึงปัจจุบัน
-12.52%
3 เดือน
-7.51%
6 เดือน
-8.92%
ตั้งแต่จัดตั้ง (ต่อปี)
-3.21%

ตัวอย่าง 5 บริษัทที่กองทุน K-US500X ลงทุน

APPLE

ผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น iPhone, iPad, Mac, Apple Watch และ Apple TV

MICROSOFT

ผู้ให้บริการ Software ระบบปฏิบัติการที่มีผู้ใช้มากที่สุดในโลก คือระบบ Windows และ Office

TESLA

ผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและแบตเตอรี่

BERKSHIRE HATHAWAY

บริษัทของ Warren Buffett เป็นบริษัทกลุ่ม Holding ที่เข้าไป ลงทุนในธุรกิจหลายอุตสาหกรรม เช่น Duracell ผลิตแบตเตอรี่, Dairy Queen ไอศครีม, ผลิตภัณฑ์อาหาร Kraft Heinz และ บัตรเครดิต American Express

UNITEDHEALTH

บริษัทประกันภัยสุขภาพชั้นนำของสหรัฐฯ ที่เน้นการขายประกันสุขภาพให้กับคนอเมริกัน และให้คำปรึกษาเกี่ยวกับสุขภาพ

สนใจลงทุน คลิก!

K-CHX

เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวชัดเจน
จากการสนับสนุนด้านนโยบาย
จากภาครัฐในหลายด้าน

icon

ประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่แห่งเดียว
ที่แรงกดดันจากเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ
จึงสามารถใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปได้

icon

ระดับราคาหุ้นต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว
ในอดีตและมีแนวโน้มที่รายได้
และกำไรจะเติบโตสูงขึ้น

icon

ลงทุนหุ้นจีนขนาดใหญ่ที่สุด 50 ตัวแรก
ในตลาด A-Share เท่านั้น
เน้นหุ้นกลุ่ม Old Economy
เช่น การบริโภคและการเงิน
ที่จะกลับมาเติบโตสูงจากอุปสงค์ภายในประเทศ

ผลการดำเนินงานย้อนหลังกองทุน K-CHX

ตัวอย่าง 5 บริษัทที่กองทุน K-CHX ลงทุน

KWEICHOW MOUTAI

ผู้ผลิตเหล้าขาว Premium อันดับหนึ่งของจีน ภายใต้แบรนด์ Moutai

CONTEMPORARY AMPEREX TECHN-A

ผู้ผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ของจีน และครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ของโลก

CHINA MERCHANTS BANK

ธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของจีนที่มี Return on Equity มากกว่า 20% ต่อปี ตลอด 10 ที่ผ่านมา เน้นเจาะกลุ่มบริษัทขนาดกลางและเล็ก (SME)

WULIANGYE YIBIN CO LTD-A

ผู้ผลิตสุราชั้นนำ ที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ ของจีน

PING AN INSURANCE GROUP

บริษัทประกันที่ใหญ่ที่สุดในจีน และถูกจัดอันดับ Top brand บริษัทประกันระดับโลก 5 ปีติดต่อกัน

สนใจลงทุน คลิก!

K-USXNDQ

เน้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยี ซึ่งเป็น
แรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจโลก

icon

ผลประกอบการไตรมาส 1/ 2566
ของบริษัทกลุ่มเทคฯในสหรัฐฯ
ออกมาแข็งแกร่ง

icon

ระดับราคาดัชนี NASDAQ
ปรับตัวลดลง อยู่ในระดับค่าเฉลี่ย 5 ปี
เป็นโอกาสที่ดีในการทยอยเข้าลงทุน

icon

ลงทุนในหุ้นชั้นนำ 100 ตัว ตามดัชนี NASDAQ 100 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนตามแนวโน้มหุ้นกลุ่มเทคฯ ที่มีอัตราการเติบโตสูง ผ่านกองทุนหลัก Invesco NASDAQ 100 ETF

เลือกลงทุนได้ 2 รูปแบบ

K-USXNDQ-A(A)
ชนิดสะสมผลตอบแทน

ดูหน้ากองทุนรวม K-USXNDQ-A(A)

K-USXNDQ-A(D)
ชนิดจ่ายเงินปันผล

ดูหน้ากองทุนรวม K-USXNDQ-A(D)

ผลการดำเนินงานย้อนหลัง
กองทุน K-USXNDQ-A(D)

ตัวอย่าง 5 บริษัทที่
กองทุน K-USXNDQ-A(D) ลงทุน

MICROSOFT

ผู้ให้บริการ Software ระบบปฏิบัติการที่มีผู้ใช้มากที่สุดในโลก คือระบบ Windows และ Office

APPLE

ผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
เช่น iPhone, iPad, Mac, Apple Watch และ Apple TV

AMAZON

E-commerce รายใหญ่ที่สุดของโลก

NVIDIA

บริษัทผู้ผลิตการ์ดจออันอับ 1 ของโลก
ที่ได้อานิสงส์จากอุตสาหกรรมเกมที่เติบโต อย่างต่อเนื่อง

Tesla

นำระดับโลกด้านนวัตกรรมรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และแบตเตอรี่

K-WORLDX

ลงทุนหุ้นบริษัทดังทั่วโลกถึง 2,000 ตัว กระจายลงทุนในหลายกลุ่ม เช่น เทคโนโลยี การเงิน และการบริโภค ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด

ผลการดำเนินงานย้อนหลังกองทุน K-WORLDX

ต้นปีถึงปัจจุบัน
-13.05%
3 เดือน
-8.85%
6 เดือน
-11.76%
1 ปี (ต่อปี)
-5.34%
ตั้งแต่จัดตั้ง (ต่อปี)
5.93%

ดัชนีชี้วัด

ต้นปีถึงปัจจุบัน
-12.42%
3 เดือน
-7.83%
6 เดือน
-10.98%
1 ปี (ต่อปี)
-3.20%
ตั้งแต่จัดตั้ง (ต่อปี)
8.87%

ตัวอย่าง 5 บริษัทที่กองทุน K-WORLDX ลงทุน

APPLE

ผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น iPhone, iPad, Mac, Apple Watch และ Apple TV

MICROSOFT

ผู้ให้บริการ Software ระบบปฏิบัติการที่มีผู้ใช้มากที่สุดในโลก คือระบบ Windows และ Office

TSMC

บริษัทไต้หวันผู้ผลิต Semiconductor รายใหญ่ที่สุดในโลก โดดเด่นด้วยนวัตกรรมที่ล้ำสมัยและ Scale ขนาดใหญ่ ช่วยลดต้นทุนในการผลิต

TESLA

ผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและแบตเตอรี่

JPMORGAN CHASE & CO

ธนาคารยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ รวมถึงมีธุรกิจให้บริการทางการเงินอีกมากมาย

ALPHABET

บริษัทแม่ของ Google

สนใจลงทุน คลิก!

K-JPX

ลงทุนหุ้นขนาดใหญ่กว่า 2,000 ตัว ตามดัชนี TOPIX กระจายในหลายอุตสาหกรรม เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ขนส่ง และเทคโนโลยีสารสนเทศ

ผลการดำเนินงานย้อนหลังกองทุน K-JPX

ต้นปีถึงปัจจุบัน
-3.50%
3 เดือน
1.21%
6 เดือน
-3.98%
1 ปี (ต่อปี)
1.55%
3 ปี (ต่อปี)
6.81%
5 ปี (ต่อปี)
5.79%
ตั้งแต่จัดตั้ง (ต่อปี)
6.69%

ดัชนีชี้วัด

ต้นปีถึงปัจจุบัน
-6.83%
3 เดือน
-2.00%
6 เดือน
-7.48%
1 ปี (ต่อปี)
-1.78%
3 ปี (ต่อปี)
5.27%
5 ปี (ต่อปี)
4.19%
ตั้งแต่จัดตั้ง (ต่อปี)
5.16%

ตัวอย่าง 5 บริษัทที่กองทุน K-JPX ลงทุน

TOYOTA MOTOR CORPORATION

ผู้ผลิตรถยนต์ที่ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้งานทั่วโลก

KEYENCE

ผลิตเซนเซอร์ ระบบอัตโนมัติ/หุ่นยนต์ในโรงงานอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก มาแรงด้วยกระแสการใช้หุ่นยนต์แทนแรงงาน

MITSUBISHI UFJ FINANCIAL GROUP

สถาบันการเงินชั้นนำของญี่ปุ่น หนึ่งในบริษัทหลักของมิตซูบิชิกรุ๊ป

RECRUIT HOLDINGS

ผู้ให้บริการเทคโนโลยีด้าน HR เจ้าของแพลตฟอร์มจ้างงานที่ช่วยทั้งนายจ้างและลูกจ้างในการจัดหางาน รวมถึงให้บริการแพลตฟอร์มโฆษณาออนไลน์ ซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการจัดการธุรกิจ (SaaS)

NINTENDO

ผู้ผลิตเครื่องเล่นเกมคอนโซลชั้นนำของโลก

สนใจลงทุน คลิก!

กองทุน Index Funds ทั้ง 12 กองทุน

ทั้งหมด
ทวีปเอเชีย
ทวีปยุโรป
ทวีปอเมริกา
ไทย
แนะนำ K-CHX

กองทุนหลัก

CSOP FTSE China A50 ETF

นโยบาย

ลงทุนหุ้นจีน A-Shares 50 ตัว ตามดัชนี FTSE China A50

ค่าธรรมเนียม (ณ เม.ย. 66)

  • การขาย (Front-end) ไม่มี
  • การซื้อขายหลักทรัพย์ขาเข้า (Brokerage fee) 0.10%
  • การรับซื้อคืน (Back-end) 0.15%
  • การจัดการ 0.5350%

ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

ไม่น้อยกว่า 75%

แนะนำ K-ASIAX

กองทุนหลัก

iShares MSCI All Country Asia ex Japan ETF

นโยบาย

ลงทุนหุ้นเอเชีย ตามดัชนี MSCI All Country Asia ex Japan

ค่าธรรมเนียม (ณ เม.ย. 66)

  • การขาย (Front-end) ไม่มี
  • การซื้อขายหลักทรัพย์ขาเข้า (Brokerage fee) 0.10%
  • การรับซื้อคืน (Back-end) 0.15%
  • การจัดการ 0.5350%

ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

ตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน

แนะนำ K-USXNDQ-A(A)

ชนิดสะสมผลตอบแทน

กองทุนหลัก

Invesco NASDAQ 100 ETF

นโยบาย

ลงทุนหุ้นสหรัฐฯ 100 ตัว ตามดัชนี NASDAQ-100

ค่าธรรมเนียม (ณ เม.ย. 66)

  • การขาย (Front-end) ไม่มี
  • การซื้อขายหลักทรัพย์ขาเข้า (Brokerage fee) 0.10%
  • การรับซื้อคืน (Back-end) 0.15%
  • การจัดการ 0.5350%

ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

ไม่น้อยกว่า 75%

แนะนำ K-USXNDQ-A(D)

ชนิดจ่ายปันผล

กองทุนหลัก

Invesco NASDAQ 100 ETF

นโยบาย

ลงทุนหุ้นสหรัฐฯ 100 ตัว ตามดัชนี NASDAQ-100

ค่าธรรมเนียม (ณ เม.ย. 66)

  • การขาย (Front-end) ไม่มี
  • การซื้อขายหลักทรัพย์ขาเข้า (Brokerage fee) 0.10%
  • การรับซื้อคืน (Back-end) 0.15%
  • การจัดการ 0.5350%

ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

ไม่น้อยกว่า 75%

K-JPX-A(A)

กองทุนหลัก

NEXT FUNDS TOPIX Exchange Traded Fund

นโยบาย

ลงทุนหุ้นญี่ปุ่น ตามดัชนี TOPIX

ค่าธรรมเนียม (ณ เม.ย. 66)

  • การขาย (Front-end) ไม่มี
  • การซื้อขายหลักทรัพย์ขาเข้า (Brokerage fee) 0.10%
  • การรับซื้อคืน (Back-end) 0.15%
  • การจัดการ 0.5350%

ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

ไม่น้อยกว่า 75%

K-US500X-A(A)

กองทุนหลัก

iShares Core S&P 500 ETF

นโยบาย

ลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ขนาดใหญ่ 500 ตัว ตามดัชนี S&P 500

ค่าธรรมเนียม (ณ เม.ย. 66)

  • การขาย (Front-end) ไม่มี
  • การซื้อขายหลักทรัพย์ขาเข้า (Brokerage fee) 0.10%
  • การรับซื้อคืน (Back-end) 0.15%
  • การจัดการ 0.5350%

ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

ตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน

K-WORLDX

กองทุนหลัก

iShares MSCI ACWI ETF

นโยบาย

ลงทุนหุ้นโลก ตามดัชนี MSCI ACWI

ค่าธรรมเนียม (ณ เม.ย. 66)

  • การขาย (Front-end) ไม่มี
  • การซื้อขายหลักทรัพย์ขาเข้า (Brokerage fee) 0.10%
  • การรับซื้อคืน (Back-end) 0.15%
  • การจัดการ 0.5350%

ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

ตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน

K-BANKING

กองทุนหลัก

N/A

นโยบาย

ลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคาร ตามดัชนี SET Banking Sector Index

ค่าธรรมเนียม (ณ เม.ย. 66)

  • การขาย (Front-end) ไม่มี
  • การซื้อขายหลักทรัพย์ขาเข้า (Brokerage fee) 0.10%
  • การรับซื้อคืน (Back-end) 0.10%
  • การจัดการ 0.5350%

ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

ไม่มีการลงทุนในต่างประเทศ

K-ENERGY

กองทุนหลัก

N/A

นโยบาย

ลงทุนหุ้นกลุ่มพลังงาน ตามดัชนี SET Energy & Utilities Sector Index

ค่าธรรมเนียม (ณ เม.ย. 66)

  • การขาย (Front-end) ไม่มี
  • การซื้อขายหลักทรัพย์ขาเข้า (Brokerage fee) 0.10%
  • การรับซื้อคืน (Back-end) 0.10%
  • การจัดการ 0.5350%

ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

ตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน

K-EUX

กองทุนหลัก

iShares EURO STOXX 50 UCITS ETF (DE)

นโยบาย

ลงทุนหุ้นกลุ่มยูโรโซน 50 ตัว ตามดัชนี EURO STOXX 50

ค่าธรรมเนียม (ณ เม.ย. 66)

  • การขาย (Front-end) ไม่มี
  • การซื้อขายหลักทรัพย์ขาเข้า (Brokerage fee) 0.10%
  • การรับซื้อคืน (Back-end) 0.15%
  • การจัดการ 0.5350%

ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

ไม่น้อยกว่า 75%

K-ICT

กองทุนหลัก

N/A

นโยบาย

ลงทุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ตามดัชนี SET Information & Communication Technology Sector Index

ค่าธรรมเนียม (ณ เม.ย. 66)

  • การขาย (Front-end) ไม่มี
  • การซื้อขายหลักทรัพย์ขาเข้า (Brokerage fee) 0.10%
  • การรับซื้อคืน (Back-end) 0.10%
  • การจัดการ 0.5350%

ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

ตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน

K-INDX

กองทุนหลัก

iShares India 50 ETF

นโยบาย

ลงทุนหุ้นอินเดีย 50 ตัว ตามดัชนี Nifty 50

ค่าธรรมเนียม (ณ เม.ย. 66)

  • การขาย (Front-end) ไม่มี
  • การซื้อขายหลักทรัพย์ขาเข้า (Brokerage fee) 0.10%
  • การรับซื้อคืน (Back-end) 0.15%
  • การจัดการ 0.5350%

ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

ไม่น้อยกว่า 75%

K-SET50

กองทุนหลัก

N/A

นโยบาย

ลงทุนหุ้นไทย 50 ตัว ตามดัชนี SET50

ค่าธรรมเนียม (ณ เม.ย. 66)

  • การขาย (Front-end) ไม่มี
  • การซื้อขายหลักทรัพย์ขาเข้า (Brokerage fee) 0.10%
  • การรับซื้อคืน (Back-end) 0.10%
  • การจัดการ 0.5350%

ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

ไม่มีการลงทุนในต่างประเทศ

หากคุณยังไม่แน่ใจ
คุณสามารถเลือกกองทุนดัชนี มาเปรียบเทียบได้

คำถามที่พบบ่อย

เกี่ยวกับกองทุน Index Funds


ภูมิภาค กองทุน
ทั่วโลก K-WORLDX
สหรัฐฯ K-US500X, K-USXNDQ
ยุโรป K-EUX
เอเชีย (จีน ญี่ปุ่น อินเดีย) K-ASIAX, K-CHX, K-JPX, K-INDX
ไทย K-SET50, K-ENERGY, K-ICT, K-BANKING
  • S&P 500 : หุ้น 500 ตัว ที่มีมูลค่าตลาด (Market Capitalization) ใหญ่ที่สุด ในตลาด New York Stock Exchange และ NASDAQ
  • NASDAQ 100 : หุ้นนอกภาคการเงิน 100 ตัว ที่มีมูลค่าตลาด (Market Capitalization) ใหญ่ที่สุด ในตลาดหุ้น NASDAQ
  • EURO STOXX 50 : หุ้น 50 ตัว ที่มีมูลค่าตลาด (Market Capitalization) ใหญ่ที่สุด ในตลาดหุ้นยูโรโซน (12 ประเทศ)
  • FTSE China A 50 : หุ้น 50 ตัว ที่มีมูลค่าตลาด (Market Capitalization) ใหญ่ที่สุด ในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น
  • NIFTY 50 : หุ้น 50 ตัว ที่มีมูลค่าตลาด (Market Capitalization) ใหญ่ที่สุด ในตลาดหุ้น National Stock Exchange (NSE)
  • MSCI AC Asia ex Japan: หุ้นขนาดกลางและใหญ่ ครอบคลุม 2 ใน 3 ของประเทศพัฒนาแล้ว (ไม่รวมญี่ปุ่น) และ 8 ประเทศเกิดใหม่ในเอเชีย
  • MSCI ACWI: หุ้นขนาดกลางและใหญ่จาก 23 ประเทศพัฒนาแล้ว รวมกับอีก 24 ประเทศในตลาดเกิดใหม่
  • TOPIX : หุ้นขนาดใหญ่ ในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว
  • SET 50 : หุ้น 50 ตัว ที่มีมูลค่าตลาด (Market Capitalization) ใหญ่ที่สุดใน ตลาดหุ้นไทย (SET)

กองทุนรวมดัชนีเหมาะกับทั้งผู้ลงทุนใหม่ และผู้ที่มีประสบการณ์แล้ว

  • ผู้ลงทุนใหม่ ที่ยังไม่มีประสบการณ์ลงทุนในหุ้น เนื่องจากกองทุนมีนโยบายลงทุนในหุ้นทั้งหมดของดัชนีที่อ้างอิง ผลตอบแทนจึงเป็นไปตามการปรับตัวของตลาดนั้นๆ (หากตลาดหุ้นมีแนวโน้มดี กองทุนก็จะดีตาม) ไม่ต้องใช้ประสบการณ์มากในการติดตามตลาด
  • ผู้ลงทุนที่มีประสบการณ์แล้ว ชอบจับจังหวะซื้อขายทำกำไรตามการเคลื่อนไหวของดัชนีอ้างอิง เนื่องจากค่าธรรมเนียมกองทุนประเภทนี้จะต่ำ

โดยปกติกองทุนประเภทนี้จะมีนโยบายการลงทุนให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนี้อ้างอิงให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ดี มีปัจจัยที่ทำให้กองทุนมีผลตอบแทนที่ต่างจากดัชนีอ้างอิง ได้แก่ ค่าธรรมเนียมกองทุน และสัดส่วนของเงินสดที่ถือเพื่อใช้ในการบริหารสภาพคล่อง

ไม่แตกต่าง ผลตอบแทนจะใกล้เคียงกันมาก โดยความแตกต่างหลักจะอยู่ที่ค่าธรรมเนียมที่แต่ละกองทุนเรียกเก็บ บลจ.ที่เก็บค่าธรรมเนียมต่ำกว่าก็จะมีโอกาสทำผลตอบแทนสูงกว่าบลจ.ที่เก็บแพงกว่า

  • สำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการถือยาว ควรลงทุนอย่างน้อย 5 ปี เนื่องจากหุ้นมีความเสี่ยงตลอดเวลา ทำให้การลงทุนระยะสั้นมีโอกาสสูงมากที่จะขาดทุน ขณะที่การลงทุนระยะยาว ความผันผวนระหว่างทางจะกระทบผลตอบแทนโดยรวมน้อยมาก นอกจากนี้ การใช้วิธีเฉลี่ยลงทุน (DCA – Dollar Cost Average) จะช่วยลดโอกาสการขาดทุนด้วย
  • สำหรับผู้ลงทุนระยะสั้น ระยะเวลาที่ถือจะขึ้นกับความสามารถในการจับจังหวะการลงทุน ที่จะต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญในการคาดการณ์ตลาด

ค่าธรรมเนียมในการซื้อ-ขาย กองทุน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท

แบบแรกคือ “ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากผู้ถือหน่วย” เช่น
  • ค่าธรรมเนียนการขาย (Front-end) คือ ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บเมื่อผู้ลงทุนซื้อกองทุน (บลจ. ขายหน่วยลงทุนให้)
  • ค่าธรรมเนียมการรับซื้อคืน (Back-end) คือ ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บเมื่อผู้ลงทุนขายกองทุนออก (บลจ. รับซื้อหน่วยลงทุนคืน)
แบบที่ 2 คือ “ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากกองทุนรวม” เช่น
  • ค่าธรรมเนียมซื้อขายหลักทรัพย์ขาเข้า (Brokerage fee) คือ ค่าใช้จ่ายในการซื้อขายหลักทรัพย์ เพราะเมื่อกองทุนเข้าไปซื้อหุ้นรายตัวจะต้องเสียค่า Commission เช่นกัน
  • ค่าใช้จ่ายในการจัดการ (Management Fee) คือ ค่าการจัดการของทีมผู้จัดการกองทุนที่มีหน้าที่บริหารกองทุนรวมให้ผู้ลงทุน ค่าธรรมเนียมส่วนนี้จะแตกต่างไปตามความยากง่ายในการบริหาร เช่น ค่าธรรมเนียมกองทุนประเภท Passive จะถูกกว่ากองทุนประเภท Active

เกี่ยวกับการเริ่มต้นลงทุน

สามารถเปิดบัญชีกองทุนรวมได้เองทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ต้องไปสาขา โดยเตรียมเลขที่บัญชีออมทรัพย์ และข้อมูลตามบัตรประชาชนให้เรียบร้อย

  • หากมีบัญชีออมทรัพย์ KBank และมีแอป K PLUS แล้ว กดเปิดบัญชีผ่านเมนู “ลงทุน” ได้เลย
  • หากมีบัญชีออมทรัพย์ SCB, KTB เลือกเปิดบัญชีกองทุนผ่าน K-My Funds

สำหรับผู้ที่มีบัญชีกองทุนรวมอยู่แล้ว กดซื้อได้เลยง่ายๆ ผ่านแอป K PLUS หรือ K-My Funds และช่องทางออนไลน์ที่ K-Cyber Invest หรือที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา

  • ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้ยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต
  • กองทุนมีนโยบายที่แตกต่างกันทั้งด้านสินทรัพย์/ภูมิภาค/ประเทศ/กลุ่มธุรกิจที่กองทุนลงทุน ราคาของหลักทรัพย์จึงมีความผันผวนตามปัจจัยที่กระทบ
  • ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
  • สนใจลงทุนและขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ www.kasikornasset.com

ซื้อกองทุน K-US500X ผ่าน