ลงทุนในหุ้นใหญ่ที่สุดระดับ Top 50 หรือ Top 100 ของแต่ละประเทศ
เกาะกระแสตามเศรษฐกิจประเทศนั้นๆ ไม่ซับซ้อน จับจังหวะทำกำไรได้ง่ายขึ้น
ผลตอบแทนมีโอกาสเติบโตไปพร้อมกับ ตลาดหุ้นประเทศนั้นๆ
ค่าธรรมเนียมต่ำ เพิ่มโอกาสได้ผลตอบแทนมากขึ้น ลงทุน 500 บาท ได้หุ้นทั้งโลก
GDP ของเอเชียเป็นภาพขาขึ้น
จากการเปิดประเทศและทยอยฟื้นตัวของจีน
ขณะที่เศรษฐกิจโลกโดยรวมชะลอตัวลง
IMF คาดเศรษฐกิจเอเชีย
มีแนวโน้มโต 4.7% ในปีนี้
จาก 3.8% ในปี 2565 หลังภาวะติดขัดด้านห่วงโซ่อุปทานเริ่มคลี่คลาย และภาคบริการแข็งแกร่ง
พลังการบริโภคมหาศาลในภูมิภาค
และแรงขับเคลื่อนจากนวัตกรรมเทคโนโลยี
เป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว
ลงทุนหุ้นขนาดกลางและขนาดใหญ่กว่า 1,000 ตัว ตามดัชนี MSCI AC Asia ex Japan กระจายในหลายประเทศของเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) เช่น จีน เกาหลีใต้ และอินเดีย
บริษัทไต้หวันผู้ผลิต Semiconductor รายใหญ่ที่สุดในโลก โดดเด่นด้วยนวัตกรรมที่ล้ำสมัยและ Scale ขนาดใหญ่ ช่วยลดต้นทุนในการผลิต
บริษัทจีน 1 ใน 10 อันดับบริษัทเทคโนโลยีที่มีมูลค่าบริษัท (Market Cap.) สูงสุดของโลก เจ้าของ Application WeChat ที่มีคนใช้บริการมากกว่า 1 พันล้านคน
บริษัทสัญชาติเกาหลีใต้ ผู้นำด้านการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ระดับโลก ซึ่งรวมถึงสมาร์ทโฟน, ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า, เครื่องใช้สำนักงาน และส่วนประกอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
บริษัทจีน หนึ่งในผู้นำธุรกิจครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่ E-commerce เช่น Lazada ธุรกิจ Cloud Service ธุรกิจ Fintech เช่น Alipay
กลุ่มบริษัทประกันชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง
จับจังหวะเทรดหุ้นสหรัฐฯ เจ้าใหญ่ 500 ตัว ตามดัชนี S&P 500 กระจายหลายกลุ่ม เช่น เทคโนโลยี และสุขภาพ
ดัชนีชี้วัด
ผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น iPhone, iPad, Mac, Apple Watch และ Apple TV
ผู้ให้บริการ Software ระบบปฏิบัติการที่มีผู้ใช้มากที่สุดในโลก คือระบบ Windows และ Office
ผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและแบตเตอรี่
บริษัทของ Warren Buffett เป็นบริษัทกลุ่ม Holding ที่เข้าไป ลงทุนในธุรกิจหลายอุตสาหกรรม เช่น Duracell ผลิตแบตเตอรี่, Dairy Queen ไอศครีม, ผลิตภัณฑ์อาหาร Kraft Heinz และ บัตรเครดิต American Express
บริษัทประกันภัยสุขภาพชั้นนำของสหรัฐฯ ที่เน้นการขายประกันสุขภาพให้กับคนอเมริกัน และให้คำปรึกษาเกี่ยวกับสุขภาพ
รัฐบาลทยอยออกมาตรการ
กระตุ้นเศรษฐกิจในหลายภาคส่วน
GDP ปี 2023 ขยายตัว 5.2%
(เทียบรายปี) สูงกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลจีนกำหนดที่ประมาณ 5%
ระดับราคาหุ้นต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว
ในอดีต สะท้อนความกังวลด้านความเสี่ยงต่างๆ ไประดับหนึ่งแล้ว
ลงทุนหุ้นจีนขนาดใหญ่ที่สุด 50 ตัวแรก
ในตลาด A-Shares เท่านั้น
เน้นหุ้นกลุ่ม Old Economy
เช่น การบริโภคและการเงิน
ที่จะกลับมาเติบโตสูงจากอุปสงค์ภายในประเทศ
ผู้ผลิตเหล้าขาว Premium อันดับหนึ่งของจีน ภายใต้แบรนด์ Moutai
ผู้ผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ของจีน และครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ของโลก
ธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของจีนที่มี Return on Equity มากกว่า 20% ต่อปี ตลอด 10 ที่ผ่านมา เน้นเจาะกลุ่มบริษัทขนาดกลางและเล็ก (SME)
ผู้ผลิตสุราชั้นนำ ที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ ของจีน
บริษัทประกันที่ใหญ่ที่สุดในจีน และถูกจัดอันดับ Top brand บริษัทประกันระดับโลก 5 ปีติดต่อกัน
เน้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยี ซึ่งเป็น
แรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจโลก
วัฏจักรดอกเบี้ยขาลงจะเป็นปัจจัยบวก
ต่อหุ้นเทคโนโลยี
การลงทุนในด้าน AI ยังคงทำให้หุ้นเทคฯ
ได้ประโยชน์ต่อไป
ลงทุนในหุ้นชั้นนำ 100 ตัว ตามดัชนี NASDAQ 100 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนตามแนวโน้มหุ้นกลุ่มเทคฯ ที่มีอัตราการเติบโตสูง ผ่านกองทุนหลัก Invesco NASDAQ 100 ETF
ผู้ให้บริการ Software ระบบปฏิบัติการที่มีผู้ใช้มากที่สุดในโลก คือระบบ Windows และ Office
ผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
เช่น iPhone, iPad, Mac, Apple Watch และ Apple TV
E-commerce รายใหญ่ที่สุดของโลก
บริษัทผู้ผลิตการ์ดจออันอับ 1 ของโลก
ที่ได้อานิสงส์จากอุตสาหกรรมเกมที่เติบโต อย่างต่อเนื่อง
นำระดับโลกด้านนวัตกรรมรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และแบตเตอรี่
ลงทุนหุ้นบริษัทดังทั่วโลกถึง 2,000 ตัว กระจายลงทุนในหลายกลุ่ม เช่น เทคโนโลยี การเงิน และการบริโภค ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด
ดัชนีชี้วัด
ผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น iPhone, iPad, Mac, Apple Watch และ Apple TV
ผู้ให้บริการ Software ระบบปฏิบัติการที่มีผู้ใช้มากที่สุดในโลก คือระบบ Windows และ Office
บริษัทไต้หวันผู้ผลิต Semiconductor รายใหญ่ที่สุดในโลก โดดเด่นด้วยนวัตกรรมที่ล้ำสมัยและ Scale ขนาดใหญ่ ช่วยลดต้นทุนในการผลิต
ผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและแบตเตอรี่
ธนาคารยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ รวมถึงมีธุรกิจให้บริการทางการเงินอีกมากมาย
บริษัทแม่ของ Google
เศรษฐกิจฟื้นตัวโดยเฉพาะภาคบริการ
การสนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียนในญี่ปุ่น
มีบรรษัทภิบาลเพิ่มขึ้น
ช่วยหนุนอัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น
(Return on Equity – ROE)
การอ่อนค่าของเงินเยน
เป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มส่งออก
ลงทุนหุ้นญี่ปุ่นขนาดใหญ่ ตามดัชนี TOPIX กว่า 2,000 ตัว ผ่านกองทุนหลัก NEXT FUNDS TOPIX Exchange Traded Fund
ผู้ผลิตแบรนด์รถยนต์ชั้นนำ โตโยต้า
แบรนด์ผู้นำผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์และดิจิทัลที่เป็นที่นิยม อาทิ สมาร์ททีวี, เครื่องเสียง, กล้องวิดีโอและกล้องถ่ายรูป, สมาร์ทโฟน
สถาบันการเงินชั้นนำของญี่ปุ่น หนึ่งในบริษัทหลักของมิตซูบิชิกรุ๊ป
ผลิตเซนเซอร์ ระบบอัตโนมัติ/หุ่นยนต์ในโรงงานอุตสาหกรรม ชั้นนำของโลก มาแรงด้วยกระแสการใช้หุ่นยนต์แทนแรงงาน
หรือ NTT บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมของญี่ปุ่น
กองทุนหลัก
NEXT FUNDS TOPIX Exchange Traded Fund
นโยบาย
ลงทุนหุ้นญี่ปุ่น ตามดัชนี TOPIX
ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
ไม่น้อยกว่า 75%
กองทุนหลัก
CSOP FTSE China A50 ETF
นโยบาย
ลงทุนหุ้นจีน A-Shares 50 ตัว ตามดัชนี FTSE China A50
ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
ไม่น้อยกว่า 75%
กองทุนหลัก
Invesco NASDAQ 100 ETF
นโยบาย
ลงทุนหุ้นสหรัฐฯ 100 ตัว ตามดัชนี NASDAQ-100
ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
ไม่น้อยกว่า 75%
กองทุนหลัก
Invesco NASDAQ 100 ETF
นโยบาย
ลงทุนหุ้นสหรัฐฯ 100 ตัว ตามดัชนี NASDAQ-100
ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
ไม่น้อยกว่า 75%
กองทุนหลัก
iShares MSCI All Country Asia ex Japan ETF
นโยบาย
ลงทุนหุ้นเอเชีย ตามดัชนี MSCI All Country Asia ex Japan
ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
ตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
กองทุนหลัก
N/A
นโยบาย
ลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคาร ตามดัชนี SET Banking Sector Index
ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
ไม่มีการลงทุนในต่างประเทศ
กองทุนหลัก
N/A
นโยบาย
ลงทุนหุ้นกลุ่มพลังงาน ตามดัชนี SET Energy & Utilities Sector Index
ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
ตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
กองทุนหลัก
iShares EURO STOXX 50 UCITS ETF (DE)
นโยบาย
ลงทุนหุ้นกลุ่มยูโรโซน 50 ตัว ตามดัชนี EURO STOXX 50
ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
ไม่น้อยกว่า 75%
กองทุนหลัก
SPDR Gold Trust
นโยบาย
ลงทุนในทองคำแท่ง เพื่อให้ได้ผลตอบแทน
ใกล้เคียงราคาทองคำแท่งของตลาดโลก
ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
ไม่น้อยกว่า 90%
กองทุนหลัก
SPDR Gold Trust
นโยบาย
ลงทุนในทองคำแท่ง เพื่อให้ได้ผลตอบแทน
ใกล้เคียงราคาทองคำแท่งของตลาดโลก
ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
ไม่น้อยกว่า 90%
กองทุนหลัก
N/A
นโยบาย
ลงทุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ตามดัชนี SET Information & Communication Technology Sector Index
ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
ตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
กองทุนหลัก
iShares India 50 ETF
นโยบาย
ลงทุนหุ้นอินเดีย 50 ตัว ตามดัชนี Nifty 50
ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
ไม่น้อยกว่า 75%
กองทุนหลัก
N/A
นโยบาย
ลงทุนหุ้นไทย 50 ตัว ตามดัชนี SET50
ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
ไม่มีการลงทุนในต่างประเทศ
กองทุนหลัก
N/A
นโยบาย
เน้นลงทุนหุ้นไทยที่มีเป้าหมาย
ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์
ในดัชนี SET100
และสามารถเลือกลงทุนลดหย่อนภาษีกับ
K-TNZ-ThaiESG
ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
ไม่มีการลงทุนในต่างประเทศ
กองทุนหลัก
iShares Core S&P 500 ETF
นโยบาย
ลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ขนาดใหญ่ 500 ตัว ตามดัชนี S&P 500
ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
ตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
กองทุนหลัก
iShares MSCI ACWI ETF
นโยบาย
ลงทุนหุ้นโลก ตามดัชนี MSCI ACWI
ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
ตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
ภูมิภาค | กองทุน |
---|---|
ทั่วโลก | K-WORLDX |
สหรัฐฯ | K-US500X, K-USXNDQ |
ยุโรป | K-EUX |
เอเชีย (จีน ญี่ปุ่น อินเดีย) | K-ASIAX, K-CHX, K-JPX, K-INDX |
ไทย | K-SET50, K-ENERGY, K-ICT, K-BANKING |
กองทุนรวมดัชนีเหมาะกับทั้งผู้ลงทุนใหม่ และผู้ที่มีประสบการณ์แล้ว
โดยปกติกองทุนประเภทนี้จะมีนโยบายการลงทุนให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนี้อ้างอิงให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ดี มีปัจจัยที่ทำให้กองทุนมีผลตอบแทนที่ต่างจากดัชนีอ้างอิง ได้แก่ ค่าธรรมเนียมกองทุน และสัดส่วนของเงินสดที่ถือเพื่อใช้ในการบริหารสภาพคล่อง
ไม่แตกต่าง ผลตอบแทนจะใกล้เคียงกันมาก โดยความแตกต่างหลักจะอยู่ที่ค่าธรรมเนียมที่แต่ละกองทุนเรียกเก็บ บลจ.ที่เก็บค่าธรรมเนียมต่ำกว่าก็จะมีโอกาสทำผลตอบแทนสูงกว่าบลจ.ที่เก็บแพงกว่า
ค่าธรรมเนียมในการซื้อ-ขาย กองทุน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
แบบแรกคือ “ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากผู้ถือหน่วย” เช่นสามารถเปิดบัญชีกองทุนรวมได้เองทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ต้องไปสาขา โดยเตรียมเลขที่บัญชีออมทรัพย์ และข้อมูลตามบัตรประชาชนให้เรียบร้อย
สำหรับผู้ที่มีบัญชีกองทุนรวมอยู่แล้ว กดซื้อได้เลยง่ายๆ ผ่านแอป K PLUS หรือ K-My Funds และช่องทางออนไลน์ที่ K-Cyber Invest หรือที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา