10/10/2019

​​​​

     หลายคนคงรู้กันอยู่แล้วว่าปี 2562 จะเป็นปีสุดท้ายของการซื้อกองทุน LTF (Long Term Equity Fund) เพื่อลดหย่อนภาษี ส่วนปี 2563 เป็นต้นไปจะมีกองทุนรูปแบบใหม่มาทดแทนหรือไม่ ยังต้องติดตามแนวทางใหม่กันต่อไป ดังนั้น ปีนี้สิทธิในการลงทุน LTF เพื่อลดหย่อนภาษียังคงมีอยู่ อย่าโฟกัสนโยบายใหม่มากจนลืมใช้สิทธิปีนี้กันเลย แม้จะเหลือเวลาอีก 3  เดือน แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีข้อข้องใจที่ทำให้บางคนไม่แน่ใจกับการซื้อ LTF 
     เราขออาสาตอบปัญหาคลายข้อสงสัยต่างๆ พร้อมแชร์ข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับการลงทุนใน LTF ปีสุดท้าย ถ้าอยากลงทุนแบบไม่มีข้อข้องใจ ก็ตามไปดูพร้อมกันเลย! #KAsset #คำตอบที่ใช่ของการลงทุน

ซื้อ LTF ทิ้งทวนปีสุดท้ายดีไหม
     มีหลายคนที่เข้าใจผิดว่าหลังจากปี 2562 เป็นต้นไป กองทุนรวม LTF กว่า 9​0 กองที่มีอยู่ทั้งหมดในประเทศไทยจะปิดตัวลง บ้างก็เข้าใจว่า LTF จะเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนรูปแบบไปใหม่ทั้งหมด แต่ความจริงแล้ว LTF ไม่ได้หายไปไหน ยังคงมีอยู่ต่อไป และเงินทั้งหมดของนักลงทุนก็ยังถูกบริหารอย่างดีที่สุดโดยผู้จัดการกองทุน เพื่อทำผลตอบแทนให้กับนักลงทุนอยู่เหมือนเดิม ส่วนการเปลี่ยนเป็นกองทุนรูปแบบใหม่ทั้งหมดคงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะยังไม่มีการประกาศออกมาอย่างแน่ชัดว่าสุดท้ายแล้วจะมีนโยบายการลงทุนและสิทธิในการลดหย่อนเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมแค่ไหน หมายความว่าเรายังซื้อ LTF ในปีสุดท้ายและถือครองต่อไปได้อีกตามต้องการ โดยไม่ต้องกังวลว่ากองทุนจะเปลี่ยนประเภท หรือถูกปิดตัวลง


ข้อดีของการซื้อ LTF ปีสุดท้าย
     นักลงทุนหลายคนเลือกซื้อ LTF เพราะทราบดีว่าหุ้นเป็นสินทรัพย์ที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ในระยะยาว รวมถึงได้สิทธิในการลดหย่อนภาษีอีกด้วย
>> ในอนาคตหุ้นไทยยังมีโอกาสเติบโตและสร้างผลตอบแทนได้อีก หากนักลงทุนตัดสินใจแล้วว่าจะซื้อเพื่อลงทุนในระยะยาว การรอจังหวะเพื่อซื้อครั้งเดียวในเดือนธันวาคม อาจจะทำให้พลาดโอกาสได้ สิ่งที่เราต้องคิดต่อ คือ ระยะเวลาที่เหลือไม่กี่เดือนนี้ เราได้ลงทุนในกองทุน LTF เต็มสิทธิแล้วหรือยัง โดยอาจจะใช้วิธีทยอยซื้อตั้งแต่วันนี้เพื่อเฉลี่ยต้นทุนก็ได้
ลองคำนวณดูว่าจำนวนที่เหมาะสมกับการลงทุนและสิทธิในการลดหย่อนภาษีของเราเป็นเท่าไหร่ จากนั้นหาร 3 ตามระยะเวลาที่เหลือ 3 เดือนสุดท้าย  แล้วลงทุนเป็นเงินก้อนแต่ละเดือนไปเลย
>> นอกจากนี้การซื้อ LTF ในปีสุดท้าย ยังเป็นการลงทุนที่มั่นใจได้ว่าอย่างน้อยเราก็ได้สิทธิในการลดหย่อนภาษีถึง 15% ของรายได้และไม่เกิน 500,000 บาทเหมือนเดิม เพราะในอนาคตยังไม่รู้ว่ากองทุนใหม่จะเป็นรูปแบบไหน

NAV ของ LTF จะลดลงหรือไม่ อนาคต LTF จะเป็นอย่างไร?
     หลายคนกลัวว่าหลังจากปี 2562 กองทุน LTF ทั้งหมดจะถูกเทขายทิ้ง ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด! เพราะหลังจากปี 2562 เป็นต้นไป คนที่ถือครอง LTF ครบ 7 ปีปฏิทินมีแนวโน้มที่จะทยอยขายเพื่อนำเงินลงทุนกลับไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น ทำให้มีคนกังวลว่าการถูกขายออก จะทำให้ราคา NAV ต่อหน่วยของกองทุนลดลง แต่ในความเป็นจริง NAV จะถูกคำนวณด้วยมูลค่าสินทรัพย์รวม หารด้วยจำนวนหน่วยทั้งหมดของกองทุนรวม หากมีความต้องการขายจำนวนหนึ่งเกิดขึ้น หน่วยลงทุนของกองทุนนั้นก็จะลดลงในสัดส่วนเท่ากัน ทำให้ขนาดของกองทุนรวมเล็กลงเท่านั้น หากมีการขายออกจึงส่งผลกระทบกับขนาดของกองทุนเท่านั้น ซึ่งไม่ได้กระทบกับผลการดำเนินงานของกองทุน ส่วน NAV ของ LTF และผลการดำเนินงานในอนาคต ก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของทีมผู้จัดการกองทุนว่าจะบริหารกองทุน ให้สร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอได้อย่างไร

ส่งท้ายทั้งที ซื้อ LTF ดีๆ ต้องดูที่อะไร
     นักลงทุนที่รู้สึกว่า LTF ยังเป็นทางเลือกที่คุ้มค่า ทั้งเรื่องการลงทุนและสิทธิในการลดหย่อน อาจจะตัดสินใจซื้อ LTF ให้เต็มสิทธิเพื่อส่งท้ายนโยบาย เรื่องสำคัญที่นักลงทุนต้องดูก่อนตัดสินใจคือ การคัดเลือกหุ้นที่ลงทุน และ รูปแบบผลตอบแทนที่ต้องการ​ แม้ว่า LTF ทุกกองจะลงทุนในหุ้นมากกว่า 65% เหมือนกัน แต่ลักษณะของหุ้นแต่ละตัว และแต่ละอุตสาหกรรม จะไม่เหมือนกัน นักลงทุนจึงต้องพิจารณา นโยบายการคัดเลือกหุ้นของกองทุนด้วยว่าเหมาะสมกับภาวะตลาดในปัจจุบันหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีนักลงทุนบางกลุ่มที่ยังตัดสินใจไม่ถูกว่าปีสุดท้ายที่จะซื้อ LTF นี้ควรจะซื้อแบบมีเงินปันผลหรือไม่มีเงินปันผลดีกว่ากัน ทั้งสองแบบมีข้อดีต่างกันตรงที่ผลตอบแทนที่กองทุนทำได้จะถูกจ่ายออกมาเป็นรายได้ประจำให้กับผู้ลงทุนในลักษณะเงินปันผล หรือจะถูกสะสมเพื่อลงทุนสร้างผลตอบแทนให้เติบโตต่อไป (เงินปันผลจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10%)
     เนื่องจาก LTF เป็นการลงทุนระยะยาว แนวทางการตัดสินใจในเรื่องนี้ ก็ต้องพิจารณาว่าเงินที่จะใช้ซื้อ LTF ปีสุดท้ายนักลงทุนเองต้องการผลตอบแทนรูปแบบไหน

สภาพตลาดกับการเลือกซื้อ LTF
     สภาวะตลาดหุ้นไทยก็เป็นตัวแปรสำคัญสำหรับการเลือกลงทุน LTF เช่นกัน โดยปัจจุบัน ตลาดยังคงได้รับผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงภายนอกไม่ว่าจะเป็น
(1) ประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ยังคงมีความยืดเยื้อ
(2) ทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ และ
(3) ตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ ที่เกิด Inverted Yield Curve
     สะท้อนโอกาสการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ส่งผลให้นักลงทุนส่วนใหญ่กังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก แต่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไทยที่ทยอยประกาศใช้ จะช่วยรองรับความผันผวนจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกได โดยระยะสั้นคาดว่าตลาดหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ 1,640 1,690 จุด
     ซึ่งในระยะยาวตลาดหุ้นไทยมีภาพรวมเป็นบวก มีปัจจัยสนับสนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ รวมถึงสภาพคล่องจากทั่วโลกที่ยังให้ความสนใจมาที่ตลาดหุ้นไทย ทำให้ตลาดหุ้นยังน่าสนใจและมีแนวโน้มเติบโต เหมาะแก่การลงทุนระยะยาว ดังนั้น ก​ารลงทุนใน LTF จึงเป็นตัวเลือกเหมาะสมและสามารถทยอยเข้าลงทุนได้ในปี ​2562


KDLTF กองทุนหุ้นใหญ่ปันผลสูงจาก KAsset
     หากนักลงทุนตัดสินใจแล้วว่าจะซื้อ LTF เพื่อลงทุนให้เต็มสิทธิในปีนี้ KDLTF กองทุนหุ้นใหญ่ปันผลสูงจากบลจ. กสิกรไทย (KAsset) นับว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ด้วยนโยบายที่เน้นลงทุนในหุ้นบริษัทใหญ่ชั้นนำที่มีปัจจัยพื้นฐานดีในกลุ่มอุตสาหกรรมที่หลากหลาย เพื่อกระจายความเสี่ยงจากสถานการณ์ภายนอก ทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนไม่ผันผวนรุนแรงตามสภาพตลาดหุ้น การถือหุ้นใหญ่พื้นฐานดีจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตลงทุนในระยะยาวได้ในทุกสภาวะตลาดอีกด้วย

KDLTF ดียังไง
     KDLTF เป็นกองทุน LTF ขายดีอันดับหนึ่งที่มีการจ่ายปันผลสูงสุดเมื่อเทียบกับกองทุน LTF อื่นๆ ของ KAsset  โดยมีสถิติการจ่ายปันผลมาอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเป็นจำนวนทั้งสิ้น 24 ครั้ง รวมเป็นเงิน 10.37 บาท หรือมีการจ่ายเงินปันผลเฉลี่ย (Average Dividend Yield) ประมาณ 4% ต่อปีตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (กองทุนจัดตั้ง ณ วันที่ 19 ต.ค.2547)
     ถ้าอยากได้ผลตอบแทนจากเงินปันผล และผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งจาก LTF ไม่ควรพลาดกองทุน KDLTF ด้วยประการทั้งปวง สามารถทยอยซื้อได้ตั้งแต่ตอนนี้จนถึงสิ้นปีเพื่อผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

ซื้อง่ายได้หลากหลายช่องทาง
     ใครที่สนใจลงทุนกับกองทุน KDLTF ของ KAsset สามารถลงทุนได้ด้วยเงินเริ่มต้นเพียง 500 บาทผ่านแอป K-My Funds, K PLUS, ธนาคารกสิกรไทย และผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน โดยติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0-2673-3888 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://bit.ly/2IlUCUW

     ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาข้อมูลภาษีในคู่มือก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้ยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต เงินปันผลจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% หรือสามารถเลือกให้ไม่หัก ณ ที่จ่ายก็ได้ แต่จะต้องนำเงินปันผลไ​ปรวมเป็นรายได้ เพื่อคำนวณภาษีเงินได้สิ้นปี


Yes
10/10/2019