7/9/2021

​ส่องเอเชียในวันนี้…มีดีจากอะไร?

​เอเชียเป็นภูมิภาคที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีสัดส่วนประมาณ 40% ของเศรษฐกิจโลก ซึ่ง IMF คาดการณ์ GDP กลุ่ม Emerging and Developing Asia จะเติบโตได้ถึง 8.6% เมื่อเทียบกับกลุ่ม Advance Economies ซึ่งอยู่ที่ 5.1% อีกทั้งเอเชียยังเป็นภูมิภาคที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดในโลก มีการปฎิรูปโครงสร้างเพื่อสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ และมีความก้าวหน้าในการพัฒนาธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยบริษัทต่างๆ ได้ให้ความสำคัญและทุ่มงบด้านการวิจัยและการพัฒนา (R&D) เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต

 

สำหรับประเทศในภูมิภาคเอเชียที่น่าจับตามอง และมีบทบาทต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของโลก ได้แก่ จีน ไต้หวัน เกาหลีใต้ อินเดีย และฮ่องกง เริ่มต้นกันที่จีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก และคาดว่าจะขึ้นเป็นอันดับ 1 แซงสหรัฐฯได้ในปี 2030 ความน่าสนใจของจีนในวันนี้ อยู่ที่การเน้นลงทุนบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภคและกลุ่มเทคโนโลยีเป็นหลัก อาทิ Alibaba ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชื่อดังอย่าง Lazada, Meituan เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซส่งอาหารอันดับ 1 ในจีน และ Tencent ผู้ให้บริการด้านแพลตฟอร์มบนมือถือและการตลาดออนไลน์  โดยธุรกิจเหล่านี้ล้วนเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องแบบก้าวกระโดด เป็นผลมาจากการผลักดันและยกระดับการบริโภคภายในประเทศของรัฐบาลจีน ตามยุทธศาสตร์ 'จีนทำ จีนใช้ จีนเติบโต' อีกทั้งประชาชนยังมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวเป็นปกติหลังจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 จึงมีส่วนสนับสนุนให้ประชาชนกล้าใช้จ่าย

 

ด้านไต้หวัน และเกาหลีใต้ มีความน่าสนใจจากอุตสาหกรรมที่มีความโดดเด่นที่สุด และกำลังเป็นที่ต้องการของผู้ผลิตทั้งโลก คือ อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ นำโดย Taiwan Semiconductor Manufacturing Company และ Samsung เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ซึ่งในปัจจุบันเป็นสินค้าที่ยังคงขาดแคลนและมีความต้องการใช้ทั่วโลก แม้ว่าจะเพิ่มกำลังการผลิต แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ

 

ส่วนอินเดีย มุ่งเน้นธุรกิจด้านพลังงานและด้านเทคโนโลยีเป็นหลัก โดยมีการลงทุนในบริษัท Reliance Industries ผู้ดำเนินธุรกิจด้านพลังงานปิโตรเคมี และการสื่อสารโทรคมนาคม ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่ทำกำไรได้มากที่สุดในอินเดีย และ Infosys บริษัทเทคโนโลยีสารสนเทศข้ามชาติที่ใหญ่เป็นอันดับสองของอินเดีย

 

สุดท้ายคือ ฮ่องกง จัดเป็นประเทศศูนย์กลางทางการเงิน ธุรกิจที่มีความโดดเด่นและสำคัญคงหนีไม่พ้นธุรกิจด้านการเงิน ตัวอย่างบริษัทที่ลงทุนเช่น Hong Kong Exchanges & Clearing ผู้ดำเนินงานตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง และ AIA Group เป็นหลัก

 

สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในหุ้นภูมิภาคเอเชีย ไม่ควรพลาดกับ 2 กองทุนที่จะเพิ่มโอกาสให้คุณได้รับผลตอบแทนจากการเติบโตในอนาคต เริ่มกันที่กองทุนน้องใหม่อย่าง K-ASIAX ที่มีนโยบายลงทุนผ่านกองทุนหลัก iShares MSCI ALL Country Asia ex Japan ETF ที่เน้นกระจายลงทุนในหุ้นของบริษัทชั้นนำในเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) และมีกลไกสร้างผลตอบแทนตามดัชนี MSCI AC Asia ex Japan ซึ่งเป็นดัชนีที่กองทุนใช้อ้างอิง โดยผู้ลงทุนสามารถจับจังหวะทำกำไรได้ง่ายและจ่ายค่าธรรมเนียมต่ำ

 

ส่วนอีกกองทุนที่น่าสนใจไม่แพ้กันนั่นคือ K-ASIACV ที่มีนโยบายลงทุนผ่าน 2 กองทุนหลัก Morgan Stanley Asia Opportunity และ Lombard Asia High Conviction ที่เน้นคัดสรรหุ้นที่ดีที่สุดเพียง 25-40 ตัว (High Conviction) และมีอัตราการเติบโตสูง (Growth Stock) เข้ามาอยู่ในพอร์ต นอกจากนี้ K-ASIACV ถือเป็นกองทุนหุ้นเอเชียหนึ่งเดียวในอุตสาหกรรมที่มีโมเดลควบคุมความเสี่ยง โดยในเวลาที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง โมเดลจะปรับมาถือครองเงินฝากหรือตราสารหนี้มากขึ้น ในขณะที่เมื่อตลาดหุ้นมีความผันผวนต่ำ โมเดลจะปรับมาถือครองหุ้นให้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความผันผวนของพอร์ตได้อย่างมีประสิทธิภาพ...ใครที่ไม่อยากรอช้า ก็รีบมาคว้าโอกาสำกำไรจากเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียที่กำลังผงาดกันได้นะครับ


ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

Yes
7/9/2021