คุณรู้หรือไม่? เงินเฟ้อสหรัฐฯเดือนม.ค.สูงกว่าตลาดคาด หนุนให้ Fed ขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น
- เงินเฟ้อสหรัฐฯเดือน ม.ค. ปรับตัวขึ้นแตะ 7 .5% (เทียบรายปี) สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 7.3% และสูงสุดในรอบ 40 ปี
- ส่งผลให้นักลงทุนเพิ่มความกังวลว่า Fed จะดำเนินนโยบายการเงินที่ตึงตัวขึ้น โดย FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่านักลงทุนมองว่ามีโอกาสสูงถึง 85%* ที่ Fed จะประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุม 15-16 มี.ค. นี้
ผลกระทบต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลง 1.5-2% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (Bond Yield) พุ่งขึ้นเหนือ 2% ปิดที่ 2.03%
ผลกระทบจากการเด้งขึ้นของ
Bond Yield
- หุ้น Growth Stock กลุ่มเทคจะได้รับแรงกดดันจากอัตราการเติบโตในอนาคตอาจจะชะลอตัวลง และอาจมีการอ่อนตัวของราคาลงจากที่เคยปรับตัวสูงขึ้นมาก
- กองทุนตราสารหนี้ เนื่องจากราคาจะปรับตัวตรงข้ามกับทิศทางของ Yield อย่างไรก็ดี ความผันผวนของกองทุนตราสารหนี้ไทยในระยะนี้เป็นผลกระทบทางอ้อมมาจากเหตุการณ์ที่ Bond Yield สหรัฐฯที่ปรับขึ้นเป็นหลัก ไม่ได้สะท้อนภาวะดอกเบี้ยในประเทศ และไม่เกี่ยวกับความสามารถในการชำระหนี้ (เครดิต) แต่อย่างใด
คำแนะนำการลงทุน:
ความผันผวนในระยะสั้นจะยังอยู่ในระดับสูง เนื่องจากนักลงทุนจับตาการสื่อสารของ Fed ในเดือน มี.ค.
-
นักลงทุนระยะกลางถึงยาวที่รับความเสี่ยงได้สูง : เป็นโอกาสทยอยสะสมกองทุนหุ้นต่างประเทศที่ราคาปรับลงในช่วงที่ผ่านมา
-
เน้นกระจายการลงทุนโดยให้น้ำหนักไปทางตลาดหุ้นฝั่งจีน ญี่ปุ่น เอเชีย มากกว่าทางสหรัฐฯและยุโรป จากทิศทางการฟื้นตัวของกำไรที่โดดเด่นกว่า และ Valuation ยังถูก
-
กองทุนหุ้นไทย ที่ได้รับประโยชน์ดังกล่าว ได้แก่ K-Banking ที่ลงทุนในหุ้นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ที่ได้รับประโยชน์ชัดเจนจากช่วงภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น
บทความโดย ฝ่ายกลยุทธิ์ผลิตภัณฑ์การลงทุน บลจ.กสิกรไทย
ข้อมูล ณ วันที่ 1 มี.ค. 2565