8/21/2024

อัพเดทพอร์ตการลงทุน ”ธีมหุ้นรักษ์โลก”

จากการตื่นตัวของกระแสรักษ์โลก ก่อให้เกิดพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไป ผู้บริโภคหรือภาคธุรกิจจึงหันมาให้ความสำคัญกับปัจจัยด้านความยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นในด้านสิ่งแวดล้อม (E) สังคม (S) หรือธรรมาภิบาล (G) มากขึ้น บริษัทที่มีผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ตอบโจทย์ด้านความยั่งยืนให้แก่ลูกค้าได้ จึงมีโอกาสเติบโตได้อย่างมั่นคง และแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดจากคู่แข่งได้เพิ่มขึ้น 

 

วันนี้เราจะชวนนักลงทุนมาเช็คพอร์ตการลงทุน ธีมหุ้นรักษ์โลกสำหรับกองทุน K-CHANGE-A(A) และ K-PLANET-A(A) กันดีกว่า 

 

อัพเดทพอร์ต K-CHANGE-A(A) 

กองทุน ESG เปลี่ยน ‘การช่วยเหลือโลก’ เป็น ‘โอกาสทางการลงทุน โดยเหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่มีเป้าหมายการลงทุนอย่างน้อย 5 ปีขึ้นไป 

 

กองทุนมีนโยบายมุ่งเน้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านบวกต่อคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม ผ่านกองทุนหลัก Baillie Gifford Positive Change Fund - Class B accumulation (GBP) 

 

วิเคราะห์อัตราผลตอบแทนในช่วงที่ผ่านมา 

ในช่วงที่ผ่านมามี 3 ปัจจัยหลัก ที่กดดันผลการดำเนินงานของกองทุนหลัก ดังนี้  

1.หุ้นกลุ่ม 7 นางฟ้า (Magnificent 7) ซึ่งปรับตัวขึ้นแรงนำตลาดแต่กองทุนหลักไม่ได้มีนโยบายลงทุนในหุ้นกลุ่มดังกล่าว 

2.หุ้นกลุ่ม Healthcare ได้รับผลกระทบทางลบจากการปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ต้นทุนการวิจัยเพิ่มขึ้น กดดันผลประกอบการริษทในกลุ่มนี้ทำให้กองทุนหลักได้รับผลกระทบไปด้วยโดยมีสัดส่วนมากเป็นอันดับที่ 2 ของพอร์ตการลงทุน (21% 30 มิ.. 2567) 

3.หุ้นขนาดกลาง-เล็ก ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทำผลตอบแทนได้ต่ำกว่าหุ้นขนาดใหญ่ ซึ่งกองทุนหลักมีสัดส่วนของหุ้นกลุ่มนี้มากกว่าเมื่อเทียบกับดัชนีชี้วัด  

 

กลยุทธ์การปรับพอร์ตของกองทุนหลัก  

กองทุนหลักเน้นปรัชญาการลงทุนระยะยาว 5-7 ปี : เนื่องจากปรัชญาการลงทุนของกองทุนหลัก คือการลงทุนระยะยาว 5-7 ปี ดังนั้น การปรับน้ำหนักของหุ้นแต่ตัว จะดูที่ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นนั้นๆเป็นหลัก หากหุ้นมีการปรับตัวลงแรงในระยะสั้น-กลาง แต่ปัจจัยพื้นฐานยังแข็งแกร่ง ก็จะไม่มีการปรับน้ำหนักหุ้นตัวนั้นๆ กล่าวคือ ปัจจัยภายนอก เช่น ดอกเบี้ย ปัจจัยการเมือง ที่ไม่ได้มีผลทำให้มุมมองทิศทางการเติบโตของบริษัทหรือกำไรในระยะยาวเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ ผู้จัดการกองทุนหลักก็จะไม่มีการปรับน้ำหนักในหุ้นตัวนั้นๆ 

 

จากข้อมูลในอดีต มีหุ้นหลายตัวที่กองทุนหลักลงทุน ปรับตัวลบเยอะถึง 40-60% แต่หุ้นเหล่านั้นก็สามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้และสร้างผลตอบแทนให้กับพอร์ตได้อย่างแข็งแกร่งในที่สุด  

 

มุมมองการลงทุน   

หุ้นกลุ่ม Healthcare เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัว โดยในปี 2566การอนุมัติยาจากองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ มีเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าถึง 50% รวมถึงการระดมทุนในธุรกิจนี้ที่กลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยในปีนี้มีมูลค่าการทำ IPO ของกลุ่ม Biopharmaceutical สูงกว่าปีก่อนถึง 105% (annualized) รวมถึงการเพิ่มทุนที่มากขึ้น 50% กองทุนหลักจึงยังคงติดตามความคืบหน้าของการวิจัยและพัฒนาของบริษัทในพอร์ตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าราคาจะกลับมาสะท้อนปัจจัยพื้นฐานในระยะยาวอีกครั้ง 

 

คำแนะนำการลงทุน 

1.สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่มีกองทุน K-CHANGE-A(A) ในพอร์ต 

-หากยังเชื่อมั่นในธีมหุ้นที่สร้างผลกระทบเชิงบวก (Positive Impact) ทยอยลงทุนได้ โดย KAsset มีมุมมองเป็นกลาง (Neutral) สำหรับธีมการลงทุนนี้ 

 

-หากต้องการหากองทุนที่เป็นตัวแทนของหุ้นโลก แนะนำ K-GSELECT ลงทุนในหุ้นทั่วโลก 70-100 ตัว ผ่านกองทุนหลัก JPMorgan Global Select Equity ETF ด้วยกลยุทธ์ Core Equity ที่สามารถลงทุนได้ทุกช่วงเวลา ไม่ว่าตลาดจะอยู่ในวัฏจักรที่หุ้น Growth หรือหุ้น Value มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ดี 

 

2.สำหรับนักลงทุนที่ยังลังเลใจในธีมการลงทุน  

-หากยังเชื่อมั่นในธีมหุ้นที่สร้างผลกระทบเชิงบวก (Positive Impact) แนะนำถือต่อไป เนื่องจากบริษัทที่กองทุนหลักลงทุนอยู่ยังมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และอาจมีการปรับตัวกลับมาสร้างผลได้ในอนาคต  

 

-หากต้องการลดน้ำหนัก K-CHANGE-A(A) บางส่วน แนะนำให้เลือกลงทุนในธีมกระจายลงทุนหุ้นโลกแทน เช่น K-GSELECT มีนโยบายลงทุนในหุ้นทั่วโลก 70-100 ตัว ผ่านกองทุนหลัก JPMorgan Global Select Equity ETF ด้วยกลยุทธ์ Core Equity ที่สามารถลงทุนได้ทุกช่วงเวลา ไม่ว่าตลาดจะอยู่ในวัฏจักรที่หุ้น Growth หรือหุ้น Value มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ดี 

 

อัพเดทพอร์ต K-PLANET-A(A) 

เหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่มีเป้าหมายการลงทุนอย่างน้อย 5 ปีขึ้นไป โดยเน้นลงทุนหุ้นทั่วโลก ที่มีส่วนช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะ Climate Change 

 

กองทุนแรกในไทยที่ลงทุนในหุ้นทั่วโลกที่มีศักยภาพ มีแนวโน้มเติบโตสูง และมีความยั่งยืน เน้นใน 3 ธีม ได้แก่ พลังงาน พื้นดิน-มหาสมุทร และวัสดุ ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันหรือช่วยลดปัญหา Climate Change ผ่านกองทุนหลัก LO Funds – Planetary​ Transition, (USD), I Class A 

 

วิเคราะห์อัตราผลตอบแทนในช่วงที่ผ่านมา 

ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา (ณ 31 ก.ค. 2567) กองทุนหลักทำผลตอบแทน 4.92% ซึ่งต่ำกว่าดัชนีชี้วัด MSCI World ที่ให้ผลตอบแทน 18.34% ขณะที่ความผันผวนและ Max Drawdown ของกองทุนหลักใกล้เคียงดัชนีชี้วัด โดยมีปัจจัยหลักที่กดดันผลการดำเนินงานของกองทุนหลัก ดังนี้


net-performance-statistics.PNG

 ​

1.ในปี 2566ตลาดหุ้นถูกขับเคลื่อนโดยหุ้นเทคฯตัวใหญ่เพียงไม่กี่ตัว ซึ่งกองทุนหลักไม่ได้เข้าลงทุน  

2.กองทุนหลักมี Thematic biased เน้น 3 ธีมการลงทุน ที่เกี่ยวกับระบบพลังงาน พื้นดินและมหาสมุทร และวัสดุ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดกลาง-เล็ก และเป็นหุ้นกลุ่ม Industrials, เทค, วัสดุ และสาธารณูปโภค ที่มีส่วนทำให้สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น โดย 1 ปีที่ผ่านมาหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ได้รับ Sentiment เชิงลบมากกว่าหุ้นใหญ่จากเหตุการณ์ Bank Fail ในสหรัฐฯ นอกจากนี้กองทุนหลักให้น้ำหนักมากกว่าดัชนีในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพลังงานสะอาด ได้แก่ การคมนาคม (รถยนต์ EV, รถไฟ, พาหนะสองล้อ) การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์, ลิเธียม) และการให้น้ำหนักน้อยกว่าดัชนีในหุ้นกลุ่มเทคฯกดดันผลตอบแทนเทียบดัชนีชี้วัด 

3.กองทุนหลักไม่ได้ลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานดั้งเดิม (Oil & Gas) ที่ปรับตัวขึ้นได้ดี 

 

อย่างไรก็ดีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างระยะยาวที่เกี่ยวกับพลังงานสะอาดยังคงดำเนินต่อไป คาดว่าจะส่งผลดีต่อพอร์ตในระยะยาว 

 

กลยุทธ์การปรับพอร์ตของกองทุนหลัก


ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ผู้จัดการกองทุนหลักได้มีการปรับพอร์ตที่สำคัญ ดังนี้ 

1.ลด Market-cap biased โดยเพิ่มการลงทุนใน Giga Caps: เช่น ลงทุนในหุ้น Merck ผู้นำด้านการรักษาโรคมะเร็งและวัคซีน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายในการดูแลสุขภาพในราคาที่เอื้อมถึง รวมถึงหุ้น Microsoft ที่ได้ประโยชน์จากความต้องการบริการคลาวด์ที่เพิ่มขึ้นและความมุ่งมั่นในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเพิ่มหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น เงิน (Silver) ที่เป็นวัสดุสำคัญสำหรับโซลาร์เซลล์  

2.ลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นกลุ่มที่ถูกกดดันจากวัฏจักรขาลง: เช่น ซอฟต์แวร์การจัดการวงจรการผลิต (Product Lifecycle Management: PLM) และเซมิคอนดักเตอร์ที่ใช้ในรถยนต์ไฟฟ้า  

 

คำแนะนำการลงทุน

 

1.สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่มีกองทุน K-PLANET-A(A) ในพอร์ต   

-หากยังเชื่อมั่นในธีมรักษ์โลก ที่มีส่วนทำให้สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ทยอยลงทุนได้ มีมุมมองเป็นกลาง (Neutral) 

 

-หากต้องการหากองทุนที่เป็นตัวแทนของหุ้นโลก แนะนำ K-GSELECT ลงทุนในหุ้นทั่วโลก 70-100 ตัว ผ่านกองทุนหลัก JPMorgan Global Select Equity ETF ด้วยกลยุทธ์ Core Equity ที่สามารถลงทุนได้ทุกช่วงเวลา ไม่ว่าตลาดจะอยู่ในวัฏจักรที่หุ้น Growth หรือหุ้น Value มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ดี 

 

2.สำหรับนักลงทุนที่ยังลังเลใจในธีมการลงทุน  

-หากยังเชื่อมั่นในธีมรักษ์โลก ที่มีส่วนทำให้สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น แนะนำถือต่อไป เนื่องจากบริษัทที่กองทุนหลักลงทุนอยู่ยังมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และอาจมีการปรับตัวกลับมาสร้างผลได้ในอนาคต  

 

-หากต้องการลดน้ำหนัก K-PLANET-A(A) บางส่วน แนะนำให้เลือกลงทุนในธีมกระจายลงทุนหุ้นโลกแทน เช่น K-GSELECT มีนโยบายลงทุนในหุ้นทั่วโลก 70-100 ตัว ผ่านกองทุนหลัก JPMorgan Global Select Equity ETF ด้วยกลยุทธ์ Core Equity ที่สามารถลงทุนได้ทุกช่วงเวลา ไม่ว่าตลาดจะอยู่ในวัฏจักรที่หุ้น Growth หรือหุ้น Value มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ดี 

 

ที่มา: บลจ.กสิกรไทย ข้อมูล ณ วันที่ 21 สิงหาคม 2567

 

คำเตอน ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน โดยศึกษานโยบายกองทุนและความเสี่ยงได้ที่ www.kasikornasset.com / K-CHANGE-A(A) ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 75% ของมูลค่าเงินลงทุนต่างประเทศ K-PLANET-A(A) และ K-GSELECT ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน เนื่องจากกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ 


Yes
8/21/2024
none