HIGHLIGHTS :
• กนง. มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 2.50% เหลือ 2.25% ต่อปี
• KAsset มองว่า กนง. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ แต่ยังเป็นไปตามที่เราคาดการณ์ว่า กนง.มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยได้ 1 ครั้งในปีนี้
• ดอกเบี้ยนโยบายไทยยังมีแนวโน้มลดลงได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปในระยะข้างหน้า ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการลงทุนในตราสารหนี้จึงคงมุมมองบวกต่อตราสารหนี้ไทย
กนง. มีมติลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% อยู่ที่ระดับ 2.25%
ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 16 ต.ค. มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 2.50% เหลือ 2.25% ต่อปี ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี
สวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะคงอัตราดอกเบี้ย กรรมการส่วนใหญ่พิจารณาว่าการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งนี้จะช่วยบรรเทาภาระหนี้ให้กับประชาชนได้ ขณะเดียวกันมีกรรมการ 2 ท่าน เห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิม ...มีต่อ
คาดการณ์เศรษฐกิจไทย ปี 2567
คาดการณ์เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวที่ 2.7% และ 2.9% ในปี 2567 และ 2568 ตามลำดับ โดยมีแรงขับเคลื่อนมาจากภาคการท่องเที่ยว และการบริโภคภาคเอกชนซึ่งได้รับแรงส่งเพิ่มเติมจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการส่งออกที่ฟื้นตัวดีขึ้นตามความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์
ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะอยู่ที่ 0.5% ในปี 2567 และเพิ่มขึ้นเป็น 1.2% ในปี 2568 ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานคาดว่าจะอยู่ที่ 0.5% ในปี 2567 และ 0.9% ในปี 2568 ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ยังอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับกรอบเป้าหมาย และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะทยอยกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในช่วงปลายปี 2567
มุมมองการลงทุนตราสารหนี้ไทย
คณะกรรมการ กนง. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ แต่ยังเป็นไปตามที่เราคาดการณ์ว่า กนง.มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยได้ 1 ครั้งในปีนี้
ทั้งนี้ กนง. ประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับปัจจุบันอยู่ในระดับที่ยังเป็นกลางและสอดคล้องกับศักยภาพเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน กนง.ยังคงให้ความสำคัญกับเสถียรภาพการเงิน โดยเฉพาะกระบวนการปรับลดสัดส่วนหนี้สินครัวเรือนต่อรายได้ (debt deleveraging) เพื่อไม่ให้เกิดการสะสมความไม่สมดุลทางการเงินในระยะยาว
คำแนะนำการลงทุน
บลจ.กสิกรไทยประเมินว่าดอกเบี้ยนโยบายไทยยังมีแนวโน้มลดลงได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปในระยะข้างหน้า ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการลงทุนในตราสารหนี้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพัฒนาการตัวเลขเศรษฐกิจและเสถียรภาพทางการเงิน โดยเฉพาะกระบวนการปรับลดสัดส่วนหนี้สินครัวเรือนต่อรายได้ เช่นเดียวกับทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลัก
สำหรับกลุ่มกองทุนตราสารหนี้ KAsset ยังคงกลยุทธ์ลงทุนในกองทุนที่มีสัดส่วนการถือครองหุ้นกู้เอกชนที่มีคุณภาพดี ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะให้ผลตอบแทนเพิ่มเติมให้กับกองทุน
K-SFPLUS (ลงทุนอย่างน้อย 3-6 เดือน)
K-PLAN1 (ลงทุนอย่างน้อย 9-12 เดือน)
K-FIXEDPLUS (ลงทุนอย่างน้อย 1-1.5 ปี)
ที่มา: บลจ.กสิกรไทย
ข้อมูล ณ วันที่ 17 ตุลาคม 2567
คำเตือน ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน โดยศึกษานโยบายกองทุนและความเสี่ยงได้ที่ www.kasikornasset.com / K-SFPLUS ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน / K-PLAN1 และ K-FIXEDPLUS ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 90% ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ เนื่องจากกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้