
หุ้นสหรัฐฯร่วงยกแผงในวันศุกร์ที่ผ่านมา โอกาสทยอยสะสมหรือรอก่อน
วันศุกร์ที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลง 2-3% แรงกดดันจากหลายปัจจัย
• ดัชนี S&P 500 -2% ปิดที่ 5,580.94
• ดัชนี Dow Jones -1.7% ปิดที่ 41,583.90
• ดัชนี Nasdaq -2.7% ปิดที่ 17,322.99
ปัจจัยที่กดดันตลาด
• แรงกดดันเงินเฟ้อ
ดัชนี Core PCE ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ Fed ให้ความสำคัญมากที่สุด เพิ่มขึ้น 2.8% ในเดือนก.พ. สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ และเร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้า สะท้อนว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังคงอยู่และอาจทำให้ Fed ชะลอการปรับลดดอกเบี้ย
• การใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ต่ำกว่าคาดเล็กน้อย โดย Personal Spending เติบโตดีขึ้นจากเดือนที่แล้ว ที่ 0.4% แต่ต่ำกว่าคาด และตัวเลข Personal Income ที่เติบโตที่ 0.8% ดีขึ้นกว่าที่คาด และดีกว่าเดือนที่แล้ว แต่ตลาดให้ความสำคัญกับเงินเฟ้อ Core PCE ทำให้ตลาดปรับตัวลง
มุมมองการลงทุน
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงจากความกังวลต่อเงินเฟ้อ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่แย่ลง และความไม่แน่นอนทางการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งทำให้นักลงทุนเริ่มปรับมุมมองต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและหันไปถือสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น
คำแนะนำการลงทุน
นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อยถึงปานกลาง แนะนำชะลอการลงทุนเพื่อที่จะพิจารณาความรุนแรงของนโยบายการค้าวันที่ 1-2 เม.ย.
สำหรับท่านที่รับความเสี่ยงได้สูง สามารถทยอยแบ่งไม้เข้าซื้อ
• ส่วนของ Core พอร์ต ลงทุนในกองทุนผสม แนะนำ K-WealthPLUS Series
• ส่วนของพอร์ต Satellite เน้นลงทุนไปในกองทุนกลุ่มที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วงระยะสั้น-กลาง แนะนำกองทุน K-GSELECT K-GTECH K-USA K-VIETNAM และ K-PROPI
สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ
• K-FIXEDPLUS กองทุนตราสารหนี้ ที่จะได้รับประโยชน์จากช่วงที่ดอกเบี้ยโลกและไทยกำลังอยู่ในวัฏจักรขาลง
• K-SF สำหรับผู้ที่ยังไม่ต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง และอยากพักเงินระยะสั้น เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนมากกว่าเงินฝาก
ที่มา: KAsset Investment Strategy
ข้อมูล ณ วันที่ 29 มีนาคม 2025
คำเตือน ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน