4/2/2021

​3 มุมมองส่องจีนว่าทำไมถึงน่าสนใจ​

​ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ‘จีน’ ถือเป็นประเทศที่มีอิทธิพลต่อโลกเป็นอย่างมาก ด้วยความที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดในโลก ส่งผลให้มีตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยเช่นกัน รวมถึงความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี และการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ทำให้จีนในวันนี้ผงาดขึ้นมาเป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจที่น่าจับตามองมากที่สุด


วันนี้จะขอพูดถึง 3 มุมมองเพื่อส่องดูว่าทำไมจีนถึงมีความน่าสนใจได้มากขนาดนี้ จนหลายคนมองว่ามีโอกาสจะเป็นเบอร์ 1 ของโลกได้

1. ประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่หนึ่งเดียวที่ฟื้นตัวจาก COVID-19 ได้ก่อนใคร
การจัดการของจีนด้วยการประกาศล็อกดาวน์ เป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดในช่วงแรกของการระบาดว่าจะประสบความสำเร็จ จนปัจจุบันได้กลายเป็นต้นแบบให้กับหลายประเทศทั่วโลกในการต่อสู้กับการแพร่ระบาด แม้จะมีผลระยะสั้นต่อเศรษฐกิจ แต่ก็สามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่าประเทศอื่น อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ตลาดคาดการณ์ GDP ปีนี้จะขยายตัว 8-9% เนื่องจาก ภาคการผลิตและการส่งออกกลับมาแข็งแกร่งขึ้น พร้อมทั้งมีการลงทุนด้านการบริการและการบริโภคเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ระดับราคาหุ้นมีความน่าสนใจ และ Earnings Growth มีแนวโน้มเติบโตดี ทางด้านของธนาคารกลางจีนเริ่มดึงเงินออกจากระบบการเงินตามที่ตลาดคาดไว้ เพราะทางการจีนมีแนวโน้มรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินในระยะยาว

2. กำลังซื้อมหาศาลภายในประเทศที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ “จีนทำ จีนใช้ จีนเติบโต”
จากแผนเศรษฐกิจ 5 ปี (ปี 2021-2025) จีนจะเน้นกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศให้ขยายตัวมากยิ่งขึ้นภายใต้แผนเศรษฐกิจหมุนเวียนคู่ขนาน (Dual Circulation) ที่เน้นการบริโภคภายในและการส่งออก โดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนให้มีการขยายการบริโภคภายในประเทศมากขึ้นเพื่อที่จะให้เชื่อมโยงกับการผลิต การจัดจำหน่าย การขนส่งโลจิสติกส์ และการบริโภคดังกล่าวจะสามารถพึ่งพาตลาดภายในประเทศได้อย่างยั่งยืน และมีการเติบโตในทิศทางที่เป็นบวกมากขึ้น อย่างไรก็ดี ด้วยกำลังซื้อมหาศาลภายในประเทศที่พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจทำให้จีนเปลี่ยนผ่านจากยุค Made in China สู่ยุค Made for China ตามนโยบาย “จีนทำ จีนใช้ จีนเติบโต”

3. มหาอำนาจด้านเทคโนโลยีแห่งใหม่ของโลก
ไม่ใช่เพียงเศรษฐกิจจีนที่เติบโตขึ้นมา แต่ในด้านเทคโนโลยีของจีนเองก็มีการพัฒนา วิจัย และคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ รวมถึงบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนก็ได้ก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทที่มีอิทธิพลของโลกด้วย อย่างไรก็ดี ด้วยความที่จีนมีจำนวนประชากรมากที่สุดในโลก ทำให้แพลตฟอร์มออนไลน์ของจีนประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะมีการจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคจนนำเสนอสินค้าและบริการได้ตรงใจ ซึ่งถ้ามองในภาพใหญ่ของจีน ปริมาณข้อมูลและความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลจะมีความสำคัญมากๆ เพราะจะทำให้จีนเป็นผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ในระยะยาว

KAsset เล็งเห็นความน่าสนใจในจีนจึงอยากชวนผู้ลงทุนทุกท่านมาเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาวไปด้วยกันกับกองทุน K-CHINA ที่เน้นลงทุนในหุ้นจีนทุกชนิด (All China) โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจ New Economy อาทิ Tencent ผู้ผลิตแอปฯ ชื่อดังอย่าง WeChat และ Joox, Alibaba ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ใหญ่ที่สุดในจีน และ Ping An Insurance บริษัทประกันที่ใหญ่ที่สุดในจีน โดยลงทุนผ่านกองทุนหลัก JPMorgan Funds – China Fund, Class JPM China I (acc) - USD ที่ติดอันดับ Top 10 จากกองทุนหุ้นจีนกว่า 154 กองทุนทั่วโลก (เทียบในกลุ่ม Morningstar Category EAA OE China Equity ณ 31 ธ.ค. 63) และขนาดกองทุน JPMorgan Funds – China Fund เติบโตถึง 208% ภายใน 7 เดือน (ข้อมูลจาก Citywire ณ ธ.ค. 63) พร้อมโชว์ฟอร์มทำผลงานได้โดดเด่นติดอันดับ 5 ดาวจาก Morningstar (ข้อมูล ณ ธ.ค. 63) นอกจากนี้ กองทุน K-CHINA ยังมีนโยบายจ่ายเงินปันผลปีละไม่เกิน 4 ครั้ง เพื่อให้ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนระหว่างการลงทุนอีกด้วย

‘K-CHINA’ กองทุนที่ต้องมีในพอร์ต เพราะการลงทุนในจีนตอนนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุน เพื่อให้เงินลงทุนเติบโตไปพร้อมกับมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกในอนาคต

ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน



Yes
4/2/2021