5/15/2024

​​​


​​​ ​ ​​

ซื้อเลยคลิก    หรือ ​ 


คำถามที่พบบ่อย

Q: ทำไมสถานการณ์การลงทุนในปัจจุบัน ถึงทำให้การลงทุนในกองทุน K Guaranteed Step-up A น่าสนใจ

A: ท่ามกลางภาวะการลงทุนที่มีความไม่แน่นอนในอนาคต เช่น การเลือกตั้งสหรัฐฯ ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ Valuation หลายตลาดที่อยู่ในระดับสูง การลงทุนในกองทุนผสมที่ลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลก (Multi-Asset) ทั้งหุ้น และตราสารหนี้ และเน้นบริหารพอร์ตเชิงรุก และยืดหยุ่น พร้อมการันตีเงินต้น และกลไก Step-up อย่าง KGSTEPA จึงเป็นคำตอบสำหรับการลงทุนในช่วงนี้

คาดว่าจะไม่เกิดเศรษฐกิจถดถอย ดอกเบี้ยทำจุดสูงสุด และจะเริ่มเข้าสู่ขาลง วัฏจักรดอกเบี้ยขาลงจะเป็นบวกต่อการลงทุนในตราสารหนี้ และหุ้น เป็นจังหวะทยอยเข้าสะสมสำหรับผู้ที่ยังมีน้ำหนักในหุ้นน้อย เนื่องจากกำไรบริษัทจดทะเบียนยังมีโอกาสเติบโตได้ดี โดยการลงทุนใน Investment Grade ยังน่าสนใจ อย่างไรก็ดี ตราสาร High Yield มีความน่าสนใจเพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจยังขยายตัวได้ดีอยู่ ดอกเบี้ยขาลงช่วยลดต้นทุนทางการเงินของธุรกิจ โอกาสการผิดชำระหนี้ยังอยู่ในระดับต่ำ


Q: เมื่อเทียบกับกองทุน Term Fund ปกติ กองทุน Guarantee Step-up น่าสนใจกว่าอย่างไร

A: ปัจจุบันกองทุน Term fund 6 เดือนถึง 1 ปี ที่ลงทุนในพันธบัตรไทย มีคาดการณ์ผลตอบแทนประมาณ 2% และด้วยนโยบายดอกเบี้ยที่เป็นแนวโน้มขาลง ผลตอบแทนคาดการณ์ของกองทุน Term fund ก็มีโอกาสลดลงในอนาคต ขณะที่กองทุน KGSTEPA กระจายการลงทุนในหุ้น และหุ้นกู้ เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติมได้มากกว่า Term fund แต่ก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดีกองทุน KGSTEPA การันตีเงินต้นที่ไม่รวม Front-end fee พร้อมกลไล Step-up เพิ่ม NAV ที่รับประกัน ช่วยล็อกกำไรบางส่วนเมื่อ NAV ปรับขึ้นถึงระดับที่กำหนด โดยผู้ลงทุนจะได้รับสิทธิประกัน NAV เมื่อลงทุนครบกำหนดอายุกองทุนเท่านั้น ดังนั้น การแบ่งส่วนจากการลงทุนใน Term fund มาลงทุนใน KGSTEPA บางส่วน จะสามารถช่วยเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงมากขึ้นได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการขาดทุน (หากถือครบตามเงื่อนไขที่กำหนด)


Q: ถ้า Credit Agricole S.A. ไม่สามารถชำระหนี้ได้ เงินลงทุนจะยังได้รับประกันหรือไม่

A: เงินลงทุนที่ Credit Agricole S.A. รับประกันจัดเป็น Tier Senior Unsecured Bond และหาก Credit Agricole S.A. ล้มละลาย Amundi Finance จะเป็นผู้รับประกันเงินลงทุนแทน 


Q: การมีกลไก Step-up คืออะไร ส่งผลดีต่อลูกค้าอย่างไร

A: กลไก Step-up ช่วยล็อกกำไรบางส่วนเมื่อ NAV ปรับขึ้นถึงระดับที่กำหนด โดยผู้ถือหน่วยจะได้รับสิทธิประกัน NAV จากกลไก Step-up เมื่อลงทุนครบกำหนดอายุกองทุน หรือเมื่อกองทุนปิดก่อนกำหนดตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้

มูลค่าหน่วยลงทุนที่รับประกันจะเริ่มจากมูลค่าที่ตราไว้ที่ 10 บาทต่อหน่วย และจะถูกปรับเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 2.50 ของมูลค่าที่ตราไว้ เมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนปรับเพิ่มขึ้นทุกๆ ร้อยละ 5 ของมูลค่าที่ตราไว้ โดยจะพิจารณาจากมูลค่าหน่วยลงทุนของทุกวันทำการซื้อขาย และเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนที่รับประกันถูกปรับเพิ่มขึ้นแล้ว จะไม่ถูกปรับลดลงแม้ว่ามูลค่าหน่วยลงทุนจะลดลงก็ตาม ทั้งนี้กลไก Step-up จะหยุดลงเมื่อเกิดเหตุการณ์ Cash-lock โดยไม่กระทบต่อ NAV ที่รับประกันที่ถูกปรับเพิ่มขึ้นมาก่อนหน้า​


​Q: การเกิด Cash Lock คืออะไร ส่งผลกระทบต่อผู้ถือหน่วยอย่างไร

A: ​Cash-lock (Monetization) คือ การเปลี่ยนสินทรัพย์เสี่ยงของกองทุนเป็นสินทรัพย์สภาพคล่องที่มีความเสี่ยงต่ำทั้งหมด เมื่อระดับความเสี่ยงที่กองทุนสามารถรับได้ (Risk Budget) ลดลงมาอยู่ในระดับต่ำ หรือ NAV ลดลงเข้าใกล้ระดับมูลค่า NAV ที่รับประกัน ซึ่งมีผลกระทบต่อลูกค้า ในด้านผลตอบแทน เพราะการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต่ำทั้งหมดอย่างพันธบัตรสหรัฐฯ จะจำกัดโอกาสการสร้างผลตอบแทนในอนาคต


Q: กองทุนมีความเสี่ยงแค่ไหน สามารถเข้าลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใดได้บ้าง และจะมีความผันผวนเหมือนกองทุนหุ้นหรือไม่

A: กองทุน KGSTEPA เป็นกองทุนผสม ความเสี่ยงระดับ 5 จะมีความผันผวนน้อยกว่ากองทุนที่ลงทุนในหุ้นล้วน โดยกองทุนจะแบ่งพอร์ตการลงทุนออกเป็นสองส่วน ได้แก่ (1) ส่วนที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงต่ำของพอร์ต จะลงทุนประมาณ 50% ในพันธบัตรสหรัฐฯ อายุคงเหลือประมาณ 4 ปี 9 เดือน hedged to THB ทั้งหมด และถือจนครบกำหนดอายุ และ (2) ส่วนที่เป็นความเสี่ยงสูงของพอร์ต เพื่อสร้างโอกาสหาผลตอบแทนเพิ่มเติม จะลงทุนผ่าน ETF หรือหน่วยลงทุนกองทุน (ลงทุนในตราสารหนี้ High yield สูงสุด 20% ของ NAV)


Q: ทำไมถึงต้องกำหนดอายุกองทุนที่ 4 ปี 9 เดือน ไม่ใช่ 5 ปี

A: 4 ปี 9 เดือน เป็นอายุคงเหลือของพันธบัตรสหรัฐฯที่กองทุนจะลงทุนในส่วนสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ ซึ่งเป็นส่วนที่เน้นปกป้องเงินต้น ทำให้กองทุนสามารถการันตีเงินลงทุนได้

 

Q: ลูกค้าสามารถซื้อ - สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนเพิ่มหลังการ IPO ได้หรือไม่

A: ไม่ได้ สามารถซื้อได้ครั้งเดียวช่วง IPO


Q: การเลิกกองทุนก่อนครบกำหนดอายุ สามารถส่งผลดีต่อผู้ถือหน่วยได้อย่างไร

A: กรณีเกิด Cash-lock การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต่ำทั้งหมดอย่างพันธบัตรสหรัฐฯ จะจำกัดโอกาสการสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มในอนาคต ดังนั้นการเลิกกองทุนจะเปิดโอกาสให้ผู้ถือหน่วยสามารถนำเงินไปลงทุนในกองทุนอื่นจ ซึ่งอาจสามารถสร้างผลตอบแทนได้มากกว่า

กรณีขนาดกองทุนลดลงต่ำกว่า 750 ล้านบาทติดต่อกัน 3 วันทำการ กองทุนที่ขนาดเล็กลงจะทำให้ประสิทธิภาพในการกระจายการลงทุนลดน้อยลงตามไปด้วย การเลิกกองทุนและนำเงินไปลงทุนในกองทุนอื่นที่สามารถกระจายการลงทุนได้ดีกว่า จะเป็นประโยชน์ต่อลูกค้ามากกว่า

ผู้ถือหน่วยต้องได้ NAV อย่างน้อย 10.05 บาท เมื่อเลิกกองทุนก่อนครบอายุโครงการ: ดังนั้นผู้ถือหน่วยจะได้รับเงินต้นคือทั้งหมด รวมถึงจะไม่ขาดทุนจาก Front-end fee 


สอบถามเพิ่มเติม 02-8888888 กด 806


​​​

Yes
5/15/2024