GDP ของเอเชียเป็นภาพขาขึ้น
อานิสงส์จากการเปิดประเทศและการทยอยฟื้นตัวของจีน ขณะที่เศรษฐกิจโลกโดยรวมชะลอตัวลง
IMF คาดเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีแนวโน้มโต 4.7% ในปีนี้
จาก 3.8% ในปี 2565 หลังภาวะติดขัดจากผลของโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย และภาคบริการแข็งแกร่ง
พลังการบริโภคมหาศาลในภูมิภาค และแรงขับเคลื่อนจากนวัตกรรมเทคโนโลยี
เป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว
ลงทุนผ่าน 3 กองทุนหลัก
● กองทุน Morgan Stanley Investment Funds Asia Opportunity Fund - Z Shares
● กองทุน LO Funds – Asia High Conviction, (USD), N Class A
● กองทุน Schroders International Selection Fund Emerging Asia, Class C Acc (USD)
ช่วยกระจายลงทุนหุ้นเอเชียในบริษัทขนาดใหญ่ได้หลากหลายอุตสาหกรรมมากขึ้น เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทน
K-ASIACV-A(A)
ดัชนีชี้วัด
ดัชนีชี้วัด MSCI AC Asia ex Japan Net Total Return USD / ข้อมูล ณ วันที่ 28 ก.พ. 66 กองทุนจัดตั้ง ณ วันที่ 27 ส.ค. 63 / ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันอนาคต
(ณ วันที่ 28 ก.พ. 66)
บริษัทไต้หวัน ผู้ผลิตชิป อันดับ 1 ของโลก ผลิตชิปให้ หลายแบรนด์ดัง อาทิ Apple, NVIDIA, Tesla
บริษัทจีน 1 ใน 10 บริษัทเทคโนโลยีที่มี มูลค่าบริษัท สูงสุดของโลก เจ้าของ WeChat ที่มีคนใช้ มากกว่า 1,000 ล้านคน
เจ้าของแอปพลิเคชันสั่งและจัดส่งอาหารครบวงจรในจีน
กลุ่มบริษัทประกันชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง
ผู้ผลิตเหล้าขาวยี่ห้อ Moutai ซึ่งเป็นแบรนด์ Premium อันดับ 1 ของจีน
โมเดลควบคุมความผันผวน ที่ช่วยลดผลขาดทุน และสร้างผลตอบแทนที่ดี ในระยะยาวผ่านการปรับเพิ่ม – ลดสัดส่วนหุ้นและเงินสด ตามสภาวะตลาด |
กระจายการลงทุนในธีมต่างๆ ที่ได้ประโยชน์จากการบริโภค ที่เติบโตสูงและนวัตกรรมใหม่เช่น กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค เทคโนโลยี และ การเงิน |
กองทุนหลัก |
|
Templeton Asian Smaller Companies | JPMorgan Pacific Technology |
นโยบายการลงทุน | ลงทุนหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ในเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) และมีการใช้โมเดลควบคุมความเสี่ยง โดยปรับเพิ่ม/ ลดสัดส่วนหุ้นเพื่อลดผลขาดทุน | ลงทุนหุ้นบริษัทขนาดเล็กใน เอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) ที่มีมูลค่า Market Cap ไม่เกิน 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ | ลงทุนหุ้นเอเชียแปซิฟิคที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ใน 3 ธีมหลัก ได้แก่ การบริโภคผ่านช่องทางดิจิทัล, การเปลี่ยนแปลงภาคองค์กร และผู้นำอุตสาหกรรมการผลิต |
ลักษณะหุ้นที่ลงทุน | หุ้นเติบโตสูง (Growth) | หุ้นคุณค่า (Value) | หุ้นเติบโตสูง (Growth) |
เหมาะกับใคร |
ผู้ที่ต้องการลงทุนในหุ้นเอเชีย แต่ต้องการจำกัดความผันผวน ซึ่งกองทุนมีโมเดลควบคุม ความผันผวนโดยผู้จัดการ กองทุน KAsset คอยปรับพอร์ต ตลอดเวลา |
ผู้ที่เชื่อในศักยภาพการเติบโตของหุ้นขนาดเล็กที่มีคุณภาพ ในเอเชีย | ผู้ที่ต้องการรับผลตอบแทนจากหุ้นเทคโนโลยีในเอเชียที่มีแนวโน้มเติบโตสูงและเป็นผู้นำธุรกิจ |
นโยบายจ่ายปันผล | ไม่มี | ไม่เกิน 4 ครั้งต่อปี | ไม่มี |
สามารถเข้าลงทุนได้ การเปิดประเทศและการทยอยฟื้นตัวของจีน ทำให้ประเทศต่างๆในเอเชียจะได้อานิสงส์ไปด้วย อีกทั้งระดับราคาหุ้นอยู่ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยระยะยาว จึงเป็นโอกาสดีที่จะทยอยสะสม อย่างไรก็ดี มีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามคือ ความไม่แน่นอนในจีนทั้งการฟื้นตัวและปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ และการที่ประเทศผู้ส่งออกจะได้รับผลกระทบจากอุปสงค์โลกที่ชะลอตัว รวมถึงหากค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าทำให้สกุลเงินต่างๆในเอเชียอ่อนค่าและเกิดกระแสเงินทุนไหลออกได้
คือโมเดลที่ใช้จัดสรรสัดส่วนการลงทุน ซึ่งบลจ. กสิกรไทยพัฒนาขึ้นมา เพื่อปรับสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงสูงและสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ ให้พอร์ตการลงทุนมีระดับความผันผวน ตามที่ตั้งไว้ โดยในช่วงที่ตลาดผันผวนสูง ผู้จัดการกองทุนจะปรับลดสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง (เช่น หุ้น) ไปยังสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า (เช่น ตราสารหนี้) เพื่อให้ความผันผวนของกองทุนลดลง และผู้จัดการกองทุนจะติดตามผลลัพธ์ โดยพิจารณาข้อมูลเชิงปริมาณต่างๆ ประกอบกับการติดตามระดับความเสี่ยงของพอร์ตให้อยู่ในระดับที่ตั้งไว้ เพื่อให้พอร์ตการลงทุนเป็นไปตามที่คาดหวัง
เนื่องจากเชื่อว่า จะช่วยกระจายความเสี่ยงและลดความผันได้ดีกว่า นอกจากนี้ แต่ละกองทุนมีลักษณะการลงทุนที่ต่างกัน จะช่วยเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนได้
ในประเทศไทย ปัจจุบันมีเพียง K-ASIACV กองทุนเดียวที่ลงทุนในหุ้นเอเชียและมีการปรับสัดส่วนการลงทุนโดยใช้ Quantitative Model
เพราะต้องการให้สะท้อนถึงการลงทุนในเอเชียที่ส่วนใหญ่เป็นประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ในขณะที่ญี่ปุ่นถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่เศรษฐกิจพัฒนาแล้ว (Developed Economy) ดังนั้นด้วยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน กองทุนหลักจึงไม่มีการลงทุนในญี่ปุ่น
สามารถเปิดบัญชีกองทุนรวมได้เองทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ต้องไปสาขา โดยเตรียมเลขที่บัญชีออมทรัพย์ และข้อมูลตามบัตรประชาชนให้เรียบร้อย
สำหรับผู้ที่มีบัญชีกองทุนรวมอยู่แล้ว กดซื้อได้เลยง่ายๆ ผ่านแอป K PLUS หรือ K-My Funds และช่องทางออนไลน์ที่ K-Cyber Invest หรือที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา
K PLUS และ K-My Funds สามารถทำรายการซื้อ-ขาย กองทุนรวมของ กองทุนรวมของ KAsset ได้ทั้ง 2 แอปพลิเคชัน
K-My Funds เป็นแอปพลิเคชันเกี่ยวกับกองทุนรวมโดยเฉพาะ ดังนั้นจะมีข้อมูลและฟังก์ชันเชิงลึกมากกว่า เช่น พอร์ตการลงทุนแนะนำตามความเสี่ยง การแจ้งเตือนและให้คำแนะนำเกี่ยวกับกองทุนที่ถืออยู่ และการปรับพอร์ตลงทุน พร้อมทั้งยังมี โปรแกรมช่วยคำนวณภาษี และ การแสดงยอดเงินลงทุนกองทุน RMF/SSF/LTF รายปี เป็นต้น
K PLUS ช่วยรวบรวมข้อมูลการลงทุนของคุณใน app เดียว ทั้งเงินฝาก กองทุน และหุ้น และยังมีฟังก์ชันช่วยวางแผนการลงทุนผ่าน Wealth Plus บริการช่วยวางแผนการลงทุนส่วนตัว โดยจะช่วยกำหนดเป้าหมายการลงทุน ช่วยเลือกกองทุนที่พิจารณาแล้วว่ามีการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนที่ดี มีโอกาสทำกำไร และมีความเหมาะสมกับระดับความเสี่ยงของแผนการลงทุนที่เลือก ทั้งยังคอยดูแลแผนการลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมายตลอดเวลาอีกด้วย