4/12/2022

​ตลาดหุ้นเวียดนาม ทำไมน่าลงทุน?​


• ปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงมากกว่า 30% โดยคาดว่าปี 2022 จะปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยการย้ายฐานการผลิตจากจีน ไต้หวัน เกาหลีใต้ เข้ามาในเวียดนาม รวมถึงการให้น้ำหนักการลงทุนหุ้นกลุ่ม Value มากขึ้น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งตลาดหุ้นเวียดนามมีสัดส่วนหลักเป็นหุ้นกลุ่ม Value จึงได้รับประโยชน์โดยตรง

• การระบาดของโควิด-19 ที่อาจทำให้เกิดการล็อกดาวน์ ปิดประเทศ แต่ความกังวลดังกล่าวก็จะถูกบรรเทาได้ ด้วยอัตราการฉีดวัคซีนของเวียดนามยังเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง

 

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา 'เวียดนาม' เป็นประเทศที่ได้รับความสนใจจากบริษัทชั้นนำระดับโลก อย่างเช่น Apple และ Samsung ในการเลือกเข้ามาตั้งฐานการผลิตแทนประเทศจีน เนื่องจากอยู่ติดกับทะเลและประเทศจีนทำให้การขนส่งสะดวก ประกอบกับการสนับสนุนจากรัฐบาลในหลายด้าน ทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การทำข้อตกลงทางการค้ากับนานาประเทศ และการปรับเปลี่ยนกฏระเบียบเพื่อดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI)

 

ปัจจัยสนับสนุนตลาดหุ้นเวียดนาม

1 เศรษฐกิจอาเซียนเติบโต เวียดนามได้รับประโยชน์ โดยคาดว่าปี 2022 Real GDP Growth ของภูมิภาคอาเซียนจะเติบโต 6.5% ซึ่งสูงที่สุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก และเป็นการทำจุดสูงสุดในรอบ 10 ปีของอาเซียน รวมทั้งตัวเลขการส่งอออกของอาเซียนจะปรับตัวสูงขึ้น ตามการฟื้นตัวของคู่ค้าสำคัญอย่างจีน โดยประเทศเวียดนามเป็นเบอร์ 2 การส่งออกของอาเซียนรองจากสิงคโปร์ จะได้รับประโยชน์โดยตรงเช่นกัน

 

2 การย้ายฐานการผลิตมาเวียดนามของโรงงานในจีน ไต้หวัน เกาหลีใต้ จากประเด็นข้อพิพาทสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ทำให้ปีที่ผ่านมาตัวเลข FDI ที่สะท้อนการลงทุนจากต่างประเทศปรับตัวสูงขึ้นเป็นอันดับ 1 ของอาเซียนที่ระดับ 5.1% โดยหนึ่งในเหตุผลที่เลือกเวียดนาม เป็นเพราะรัฐบาลมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ประชากรส่วนใหญ่เป็นวัยแรงงาน ค่าแรงอยู่ในระดับต่ำ และค่าเงินของเวียดนามเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น ช่วยดึงดูดความน่าสนใจลงทุนจากต่างประเทศ

 

3 การเข้าร่วม RCEP ซึ่งเป็นข้อตกลงการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้เวียดนามมีตลาดส่งออกสินค้าได้มากขึ้น และนำเข้าสินค้าได้ในราคาถูกลง เนื่องจากการลดกำแพงภาษีของประเทศกลุ่มสมาชิก โดยคาดว่าการเข้าร่วม RCEP ส่งผลให้ Real GDP ของเวียดนามเติบโตเพิ่มขึ้น 0.5%

 

4 คาดการณ์หุ้นกลุ่ม Value จะปรับตัวสูงขึ้น จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยตลาดหุ้นเวียดนามมีสัดส่วนหุ้นกลุ่มอสังหาฯ และการเงินเป็นสัดส่วนหลัก ถือเป็นหุ้นกลุ่ม Value ที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยตรง นอกจากนี้ตัวเลข Forward P/E ระดับ13.7และEarning Yield Gap ระดับ 5.1% สะท้อนว่าหุ้นเวียดนามยังไม่แพงมากจนเกินไป ยังมีความน่าสนใจ และมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องจากตัวเลข EPS Growth ระดับ 24% แม้อาจไม่ได้เติบโตร้อนแรงเท่ากับปีที่ผ่านมา

 

ในแง่ความน่าดึงดูดของตลาดหุ้น คาดการณ์อัตราการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนในเวียดนาม (EPS Growth) ปีนี้จะสูงกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคอย่างโดดเด่น ขณะที่มูลค่าหุ้น (Valuation) ยังไม่สูงเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นประเทศอื่น ๆ จึงน่าสนใจและมีเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

กองทุน K-VIETNAM จากกสิกรไทย มีนโยบายเน้นลงทุนตรงในหุ้นเวียดนามชั้นนำ อาทิ Masan Group Corporation ผู้นำด้านธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม, Vingroup Joint Stock Company ประกอบธุรกิจครอบคลุมทุกวงการ ทั้งพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ห้างสรรพสินค้า โรงแรม โรงพยาบาล โรงเรียน สวนสนุกและสถานบันเทิง, Mobile World Investment Corporation ธุรกิจจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์ไอที และเครื่องใช้ไฟฟ้า และ Vietnam Dairy Products Joint Stock Company ผู้ผลิตนมและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับนมรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม ซึ่งล้วนเป็นกลุ่มธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจภายในประเทศทั้งสิ้น

 

คำแนะนำสำหรับผู้สนใจลงทุนตลาดหุ้นเวียดนาม

 

กองทุน K-VIETNAM สามารถทำผลงานในช่วงที่ผ่านมาได้อย่างโดดเด่นและชนะดัชนีชี้วัด (Benchmark) ในทุกช่วงเวลา โดยผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี และ 3 ปี อยู่ที่ 28.15% ต่อปี และ 12.93% ต่อปี ชนะ Benchmark ซึ่งอยู่ที่ 20.02% ต่อปี และ 9.62% ต่อปี ตามลำดับ (ที่มา : บลจ.กสิกรไทย ณ วันที่ 28 ก.พ. 65)

 

สำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนไปพร้อมการเติบโตของ 'ดาวรุ่งอนาคตไกลของอาเซียน' อย่างเวียดนาม ก็สามารถเลือกลงทุนกับกองทุน K-VIETNAM จากกสิกรไทย ได้ง่ายๆ เริ่มต้นเพียง 500 บาท

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม >>คลิก

คำเตือน : ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน


Yes
4/12/2022