Highlight
• ธนาคารกลางจีนลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่า Reuters คาด
• การลดดอกเบี้ยจะช่วยการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนให้ดีขึ้น
• ในไตรมาส 2 เศรษฐกิจจีนยังคงถูกกดดันจากการล็อกดาวน์เมืองใหญ่ๆที่สำคัญทางเศรษฐกิจ
• ในระยะสั้น ตลาดหุ้นจีนจะยังคงผันผวน จากนักลงทุนยังไม่มั่นใจถึงสถานการณ์โควิด-19
• แนะนำทยอยสะสมหน่วยลงทุนบางส่วน และรอดูสถานการณ์การระบาดต่ออีกในระยะหนึ่ง
ธนาคารกลางจีนลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่าคาด
เมื่อช่วงเช้าวันที่ 20 พ.ค. 2565 ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ย 5Y Loan Prime Rate (LPR) ลงไป 15 bps มาเหลือ 4.45% ซึ่งมากกว่าที่ผลสำรวจจาก Reuters คาดไว้ว่าจะลดลงเพียง 5 bps และเป็นการปรับลดรอบที่ 2 ของปีนี้ แต่ยังคง 1Y LPR ไว้ที่ระดับเดิมที่ 3.7% โดย 5Y LPR เป็นส่วนสำคัญในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยจำนอง (Mortgage)
เศรษฐกิจจีนไตรมาส 2 ยังคงถูกกดดันจากการล็อกดาวน์
การล็อกดาวน์กรุงปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ รวมถึงอีกหลายเมืองทั่วประเทศ ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจรวมกันคิดเป็นราว 25% ของ GDP จีน ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างมากในไตรมาส 2 โดยภาคการบริโภคและภาคการผลิตได้รับผลกระทบอย่างหนัก ยอดขายภาคค้าปลีกเดือนเมษายนทรุดตัว -11.1% YoY ขณะที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัว -2.9% YoY ทำให้ GDP ในไตรมาส 2 คาดว่าจะหดตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี
การลดดอกเบี้ยจะช่วยการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์
เศรษฐกิจจีนถูกกดดันจากหลายด้านทั้งปัจจัยภายในและภาพนอก โดยการลดอัตราดอกเบี้ย 5Y LPR คาดว่าจะเน้นฟื้นฟูภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก ซึ่งอุตสาหกรรมดังกล่าวทรุดตัวลงอย่างมากนับตั้งแต่มีการผิดชำระหนี้ของ Evergrande ในปีที่ผ่านมา
การลดดอกเบี้ยจะช่วยให้เกิดการลงทุนและก่อสร้างโปรเจกต์ใหม่ๆมากขึ้น โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลจีนได้ออกมาตรการหลายอย่างเพื่อกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์เช่นกัน อย่างไรก็ตาม การกระตุ้นการบริโภคในประเทศจะเกี่ยวข้องกับ 1Y LPR มากกว่า ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจีนอาจรอให้สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศดีขึ้นก่อนที่จะตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ย 1Y เพื่อให้นโยบายส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากที่สุด
ตลาดหุ้นตอบรับในด้านบวกจากการลดอัตราดอกเบี้ย
ณ เวลา 11.45 ดัชนีหุ้นหลักของประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็น Shanghai Composite, Shenzhen หรือ China A50 สามารถปรับตัวขึ้นได้ราว 1.1 – 1.4% ด้านดัชนี Hang Seng ของฮ่องกงขยับขึ้น 2% ส่วนตลาดอื่นๆของเอเชียปรับตัวขึ้นได้สดใสเช่นกัน ญี่ปุ่น Nikkei 225 +1.2% เกาหลี KOSPI +1.8% อินเดีย Nifty +2.2% และไทย SET +0.9%
คำแนะนำการลงทุน :
KAsset มีมุมมอง Slightly Positive ต่อการลงทุนในตลาดหุ้นจีน
โดยเชื่อว่าในอนาคตรัฐบาลและธนาคารกลางของจีนจะมีการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายด้าน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ถูกกระทบหนักจากการระบาดของโควิด-19 อีกทั้งระดับราคาหุ้นของจีนอยู่ต่ำกว่าประเทศอื่นๆมาก จึงมีความน่าสนใจในเชิง Valuation และมีโอกาสการฟื้นตัวได้โดดเด่นในระยะยาว
“อย่างไรก็ตาม ภาพในระยะสั้นคาดว่าตลาดหุ้นจีนจะยังคงผันผวนเนื่องจากนักลงทุนยังไม่มั่นใจถึงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศที่อาจทำให้เกิดการล็อกดาวน์ได้ต่อเนื่อง จึงแนะนำให้ทยอยสะสมหน่วยลงทุนบางส่วน และรอดูสถานการณ์การระบาดในประเทศจีนต่อไปอีกระยะหนึ่งก่อน"
บทความโดย ฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์การลงทุน บลจ.กสิกรไทย
ข้อมูล ณ วันที่ 23 พ.ค. 2565
หมายเหตุ "ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน"