HIGHLIGHTS :
• ตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมาตามทิศทางของตลาดหุ้นโลก
• ข่าวประธานฯปั่นหุ้นและปกปิดข้อมูล ส่งผลกระทบต่อการลงทุนในเวียดนามในระยะสั้น
• เงินเฟ้อยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้นตลอดทั้งปี แต่เป็นไปในทิศทางเดียวกับประเทศอื่นๆทั่วโลก
• ยังคงมุมมองบวกต่อการลงทุนในหุ้นเวียดนาม จากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจยังดี
• แนะนำให้ทยอยสะสมในหุ้นเวียดนาม ที่มีอัตราการเติบโตที่โดดเด่นในภูมิภาค
ดัชนี VNI Index ปรับตัวลดลง 3% เมื่อวาน และย่อตัวลงต่อเล็กน้อยในวันนี้
ดัชนีตลาดหุ้นเวียดนาม VNI Index ปรับตัวลง -3.03% เมื่อวาน (20 มิ.ย. 65) ปิดที่ระดับ 1180.4 จุด และในวันนี้ (21 มิ.ย. 65) ปรับตัวลงต่อเล็กน้อย -0.67% ปิดที่ระดับ 1172.47 จุด โดยตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวลดลงแรงหลังดัชนีปรับลดลงต่ำกว่า 1200 จุด ซึ่งเป็นแนวรับสำคัญทางจิตวิทยาส่งผลให้เกิดแรงขายออกมาต่อเนื่องแม้จะไม่มีข่าวร้ายใดๆก็ตาม
โดยกลุ่มที่กดดันดัชนีมาจากกลุ่มพลังงาน ธนาคาร เหล็ก และโบรกเกอร์เป็นหลัก ขณะที่มองย้อนไปนับตั้งแต่ต้นปี 2565 ตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวลดลงแล้วกว่า -20.56% เป็นการปรับตัวลงตามทิศทางของตลาดหุ้นโลก หลังนักลงทุนกังวลว่ารายงานเงินเฟ้อของสหรัฐฯที่ยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง จะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงต่อเนื่อง และเพิ่มความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯจะเข้าสู่ภาวะถดถอย จึงมีแรงขายในสินทรัพย์เสี่ยงออกมา
ในส่วนของประเทศเวียดนามแม้ว่าเงินเฟ้อเดือน พ.ค. 65 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ +2.86% (เทียบรายปี) แต่ยังคงอยู่ในกรอบของทางธนาคารกลางเวียดนามที่ระดับต่ำกว่า 4%
อย่างไรก็ตาม เงินเฟ้อยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้นตลอดทั้งปี ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับประเทศอื่นๆทั่วโลก นอกจากนี้ ภาครัฐยังคงสอบสวนหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และธนาคารพาณิชย์ (จากเหตุการณ์ปั่นหุ้นและปกปิดข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่เดือน มี.ค. 65) จะยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาดเป็นระยะๆ
ข่าวประธานบริษัทอสังหาฯ ที่ถูกจับข้อหาปั่นหุ้นและปกปิดข้อมูล ส่งผลกระทบต่อการลงทุนในเวียดนามในระยะสั้น
ในเดือนมี.ค. 65 ได้มีข่าวประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในประเทศรายหนึ่งถูกจับข้อหาปั่นหุ้นและปกปิดข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์ ส่งผลให้รัฐบาลเวียดนามเข้ามาตรวจสอบหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการตรวจสอบได้ครอบคลุมไปถึงการปล่อยกู้ของธนาคาร ตลอดจนการให้ Margin Lending ของบริษัทหลักทรัพย์เพื่อซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ จึงทำให้เกิดแรงขายจากนักลงทุนในประเทศเวียดนามในช่วงที่ผ่านมา
ในแง่ของผลกระทบต่อตลาดและบริษัทจดทะเบียนอื่นๆ ข่าวดังกล่าวไม่ได้กระทบมากนัก การปรับตัวลงเป็นการปรับลงในเชิง sentiment มากกว่า ความกังวลระยะสั้นในภาคอสังหาริมทรัพย์และธนาคารพาณิชย์จะส่งผลที่จำกัดเนื่องจากหุ้นในกลุ่มมี valuation ที่ไม่แพง และมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง
ผู้จัดการกองทุนคาดว่าทั้งสองอุตสาหกรรมจะกลับมาเติบโตได้ดีภายหลังการตรวจสอบจากรัฐบาลได้ผ่านพ้นไปจากความต้องการที่อยู่อาศัยและสินเชื่อที่ยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่แรงกดดันด้านต้นทุนที่สูงขึ้นจากราคาพลังงานจะถูกชดเชยจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศภายหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ผ่านพ้นไป
มุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม
KAsset ยังคงมุมมองบวกต่อการลงทุนในหุ้นเวียดนาม (Positive) จากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจยังดี และตลาดหุ้นมีอัตราการเติบโตที่โดดเด่นในภูมิภาค โดยให้น้ำหนักไปที่ความแข็งแกร่งของงบการเงินบริษัท กระแสเงินสด ฯลฯ และยังคงเป้าดัชนีสิ้นปีที่ 1650 จุด
บทความโดย ฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์การลงทุน บลจ.กสิกรไทย
ข้อมูล ณ วันที่ 21 มิ.ย. 2565
หมายเหตุ "ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน"
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
Next Station “เวียดนาม” >>Click
เอาไงต่อดีกับตลาดเอเชีย >>Click