HIGHLIGHTS :
• ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงปรับตัวลงจากหุ้นเทคฯและการระบาดของโควิด-19
• หน่วยงานกำกับดูแลของจีน สั่งปรับ Alibaba และ Tencent จนกระทบราคาหุ้นเทคโนโลยีอื่นๆ
• จีนเตรียมมาตรการคุมเข้มโควิด-19 รอบใหม่ ส่วน Macau สั่งปิดคาสิโนและธุจกิจอื่นๆ 1 สัปดาห์
• แรงกดดันเงินเฟ้อของจีน ยังค่อนข้างต่ำ สวนทางกับประเทศอื่นๆที่เผชิญเงินเฟ้อพุ่ง
• ยังคงมีมุมมองในด้านบวกต่อการลงทุนในหุ้นจีนระยะยาว จาก “นโยบายการเงินและการคลัง ที่สวนทางกับประเทศพัฒนาแล้ว” และ “Valuation” ของตลาดหุ้นจีนค่อนข้างถูก
ภาวะตลาดหุ้นจีนเมื่อวานนี้ (11 ก.ค. 65) เผชิญแรงขายทำกำไรออกมากดดันตลาด หลังรัฐบาลจีนสั่งปรับหุ้นด้านเทคโนโลยีหลายราย และความกังวลเรื่องโควิด-19 เนื่องจากมาเก๊าสั่งปิดคาสิโนและเซี่ยงไฮ้ ตรวจพบไวรัสสายพันธุ์ BA.5
ความกังวลดังกล่าวทำให้ดัชนี Shanghai Composite ของจีนย่อตัวลง -1.27% ขณะที่ Hang Seng ปรับตัวลง -2.77% โดยกองทุนหลักของ K-CHINA (JPM China) และ K-CHX (CSOP FTSE China A50 ETF) ย่อตัวลง -3.35% และ 1.66% ตามลำดับ
หน่วยงานกำกับดูแลของจีนสั่งปรับ Alibaba และ Tencent จนกระทบราคาหุ้นเทคโนโลยีอื่นๆ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานวานนี้ว่า รัฐบาลจีนสั่งปรับบริษัทขนาดใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Alibaba และ Tencent รวมถึงบริษัทอื่นๆ เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามกฏการต่อต้านการผูกขาดเรื่องการเปิดเผยการทำธุรกรรม สำนักงานบริหารจัดการกฎระเบียบตลาดแห่งรัฐ (State Administration for Market Regulation – SAMR) ได้เปิดเผยรายการทำธุรกรรม 28 รายการที่มีการละเมิดกฏดังกล่าว โดยมี 5 หน่วยงานของ Alibaba ที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งรวมถึงดีลการซื้อหุ้น Youku Tudou ที่เป็นบริษัทในเครือเมื่อปี 2564 รายงานดังกล่าวทำให้ราคาหุ้นของ Alibaba และ Tencent ที่ซื้อขายในตลาดฮ่องกงวานนี้ปิดตลาดปรับตัวลดลง -5.79% และ -2.89% ตามลำดับ ขณะที่หุ้นด้านเทคโนโลยีอื่นๆของจีนที่ซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯย่อตัวลงแรงเช่นกันไม่ว่าจะเป็น NetEase -4.68%, Pinduoduo -10.03% และ Meituan -7.29%
จีนเตรียมมาตรการคุมเข้มโควิด-19 รอบใหม่ ส่วน Macau สั่งปิดคาสิโนและธุจกิจอื่นๆ 1 สัปดาห์
มาเก๊าสั่งปิดธุรกิจร้านค้าและภาคอุตสาหกรรมเกือบทั้งหมดซึ่งรวมถึงคาสิโน เป็นเวลา 1 สัปดาห์เริ่มจากเมื่อวานนี้ เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่ โดยภาคการบริการที่จำเป็นต่างๆไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ซุปเปอร์มาร์เกตหรือร้านขายยา สามารถเปิดได้ตามปกติ
ขณะที่ในประเทศจีนมีรายงานว่าหลายเมืองของจีนกำลังเตรียมใช้มาตรการควบคุมการระบาดรอบใหม่ ซึ่งอาจเป็นการระงับการทำธุรกิจหรือการล็อกดาวน์เพื่อสกัดโควิด-19 ส่วนเซี่ยงไฮ้ตรวจพบผู้ติดเชื้อโอมิครอนสายพันธุ์ BA.5 จึงเตรียมแผนการตรวจไวรัสขนานใหญ่อีกครั้งหนึ่ง
แรงกดดันเงินเฟ้อของจีน ยังค่อนข้างต่ำ สวนทางกับประเทศอื่นๆที่เผชิญเงินเฟ้อพุ่ง
รัฐบาลจีนรายงานดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนมิถุนายน ขยายตัว +6.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ชะลอตัวลงจากการขยายตัว +6.4% ในเดือนพฤษภาคม รวมถึงเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือน เป็นสัญญาณด้านบวก หลังปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทานในประเทศเริ่มคลี่คลาย และราคาสินค้าโภคภัณฑ์บางตัวเริ่มปรับตัวลดลง
ขณะที่ดัชนีเงินเฟ้อทั่วไปขยายตัว +2.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เพิ่มขึ้นจากระดับ +2.1% ในเดือนพฤษภาคม ยังอยู่ในกรอบเป้าหมายของรัฐบาลจีน และค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆที่กำลังเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อพุ่งขึ้นสูง
มุมมองการลงทุนจาก KAsset
สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในประเทศจีนเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามดูต่อไป เนื่องจากรัฐบาลจีนยังคงใช้มาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มข้นเมื่อเทียบกับประเทศฝั่งตะวันตก รวมถึงยังมีความเป็นไปได้ที่หากเกิดการระบาดในวงกว้างบริเวณเมืองใหญ่ก็อาจทำให้รัฐบาลจีนตัดสินใจล็อกดาวน์อีกครั้ง ปัจจัยดังกล่าวจะทำให้ตลาดหุ้นจีนจะยังคงมีความผันผวนต่อเนื่อง ขณะที่การปรับบริษัทด้านเทคโนโลยีรอบใหม่บนข้อมูลปัจจุบันยังไม่น่ากังวลมากนัก เนื่องจากดูเหมือนเป็นการทำผิดเงื่อนไขที่เกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมาตั้งแต่ปีก่อนหน้า ซึ่งไม่ได้สะท้อนว่ารัฐบาลจีนกำลังกลับมาคุมเข้มการดำเนินธุรกิจของบริษัทด้านเทคโนโลยีต่างๆเหมือนที่เกิดขึ้นช่วงกลางปี 2564 แต่อย่างใด
KAsset ยังคงมีมุมมองในด้านบวกต่อการลงทุนในหุ้นจีนระยะยาว จาก “นโยบายการเงินและการคลัง ที่สวนทางกับประเทศพัฒนาแล้ว” จีนมีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ธนาคารกลางจีนสามารถใช้นโยบายกระตุ้นทางการเงิน ผ่านการลดอัตราดอกเบี้ยและการตั้งสำรองของธนาคารพาณิชย์
ขณะที่รัฐบาลจีนมีการออกมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจซึ่งเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะจุดและไม่ได้ใช้การกระตุ้นขนาดใหญ่แบบปูพรม เป็นการประคองเศรษฐกิจและป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อตามมาในภายหลัง นอกจากนั้น Valuation ของตลาดหุ้นจีนค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้วหรือตลาดหุ้นประเทศกำลังพัฒนา เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะสนับสนุนการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นจีนในระยะยาว
ทั้งนี้ในระยะสั้นต้องติดตามดูการตรวจปูพรมโควิด-19 ของจีนว่าจะนำไปสู่การล็อกดาวน์รอบใหม่หรือไม่ หากไม่มีการล็อกดาวน์ ก็อาจเป็นโอกาสดีในการทยอยเข้าสะสมหุ้นจีน ในช่วงที่ราคาย่อตัวอีกครั้ง แต่หากมีการล็อกดาวน์ก็จะต้องรอให้สถานการณ์เริ่มคลี่คลายและประเมินสภาวะตลาดในช่วงเวลาดังกล่าวอีกครั้ง
คำแนะนำการลงทุนและกองทุนแนะนำ
กองทุน K-CHX : เน้นหุ้นด้านการบริโภคและสถาบันการเงิน ลงทุนเฉพาะหุ้น A-Shares เท่านั้น โดยอุปสงค์ภายในประเทศจะมีบทบาทสำคัญต่อการเติบโตของประเทศในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะหนุนหุ้นกลุ่ม Old Economy อย่างกลุ่มอุปโภคและการเงิน ให้กลับมาฟื้นตัวได้ก่อนกลุ่ม New Economy อย่างกลุ่มเทคฯ
กองทุน K-CHINA : สำหรับนักลงทุนที่ชอบหุ้นจีนที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี พลังงานทดแทน และการบริโภค ลงทุนในหุ้น All China ที่มีคุณภาพดี เติบโตสูง เน้นหุ้นกลุ่มเศรษฐกิจใหม่ (New Economy) ซึ่งจะได้ประโยชน์จากแผนพัฒนาเศรษฐกิจจากรัฐบาล
บทความโดย ฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์การลงทุน บลจ.กสิกรไทย
ข้อมูล ณ วันที่ 12 ก.ค. 2565
หมายเหตุ "ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน"
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง