อัพเดทพัฒนาการ เรื่องภาษีนำเข้าสินค้าล่าสุด
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากอินเดียเพิ่มอีก 25% รวมเป็น 50% โดยจะมีผลในอีก 21 วัน เหตุผลหลักคือ อินเดียยังคงซื้อน้ำมันและก๊าซจากรัสเซีย ซึ่งสหรัฐฯ มองว่าเป็นการสนับสนุนสงครามในยูเครน
ทรัมป์ยังระบุว่า อินเดียมี “กำแพงภาษีและอุปสรรคทางการค้าที่รุนแรงที่สุดในโลก” และมีดุลการค้ากับสหรัฐฯ ที่ขาดดุลอย่างมาก
ด้านอินเดีย นายกรัฐมนตรี Modi มีกำหนดเดินทางเยือนจีน (31 ส.ค.–1 ก.ย.) เพื่อเข้าร่วมประชุม SCO ที่เทียนจิน เป็นการเยือนครั้งแรกในรอบ 7 ปี อาจเป็นจุดเปลี่ยนของสมดุลภูมิรัฐศาสตร์
ผลกระทบต่ออินเดีย
• มูลค่าการส่งออกไปสหรัฐฯ คิดเป็นเพียง ประมาณ 2% ของ GDP อินเดีย (ราว 80-90 พันล้านดอลลาร์ จาก GDP อินเดียประมาณ 3.7 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2025)
• หากมาตรการครอบคลุมกว้างขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อ GDP ติดลบได้ถึง -1.0%
• คาดกลุ่มสินค้าที่ได้ผลกระทบ เช่น อะไหล่รถยนต์ เหล็ก สารเคมี สิ่งทอ เครื่องประดับ ซึ่งเป็นสินค้าหลักที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ จะได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้น จากการปรับซัพพลายเชนและภาษีที่สูงขึ้น
• กลุ่มธุรกิจที่พึ่งพาตลาดในประเทศ เช่น IT, Banking, Consumer ได้รับผลกระทบน้อย
• ตลาดหุ้น MSCI India Futures และค่าเงินรูปีปรับลงเพียงเล็กน้อย
สิ่งที่ต้องจับตาต่อจากนี้
• ช่วงเวลา 21 วันก่อนมาตรการมีผล อินเดียอาจใช้โอกาสนี้เจรจาเพื่อบรรเทาผลกระทบ
• การเยือนจีนของ Modi อาจนำไปสู่การปรับท่าทีทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มความร่วมมือกับจีนในด้านพลังงาน เทคโนโลยี และการค้า
มุมมองการลงทุน
การกระทำของอินเดีย เป็นการคานอำนาจระหว่างตะวันตก-ตะวันออก โดยปัจจุบันมีความร่วมมือกับทั้งสหรัฐฯ (Quad, IPEF) และรัสเซียและจีน (BRICS, SCO) เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจ โดยคงจุดยืน “ไม่เลือกข้าง”
ในระยะสั้น KAsset มีมุมมองให้ “ระมัดระวัง” ต่อการลงทุนในตลาดหุ้นอินเดีย ยังมีความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นได้กับประเด็นมาตรการภาษี
อย่างไรก็ตาม ยังคงมุมมอง “Overweight” ต่อตลาดหุ้นอินเดีย เนื่องจากผลกระทบต่อเศรษฐกิจอินเดียจำกัดโดยอินเดียมีการพึ่งพิงรายได้ในประเทศเป็นหลัก (รายได้มากกว่า 70% ของบริษัทใน MSCI India มาจากการบริโภคและขายสินค้าในประเทศ) รัฐบาลเดินหน้าโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่อเนื่อง และมีแนวโน้มลดดอกเบี้ยเพื่มเติม
กองทุนแนะนำ
กองทุนหุ้นอินเดีย K-INDIA เน้นหุ้นคุณภาพดี เติบโตสูง และไม่จำกัดโอกาสการลงทุนในหุ้นขนาดกลาง-เล็ก