บลจ.กสิกรไทย ปลื้มกองทุน K-HDThaiESGX และ K-70ThaiESGX กระแสตอบรับดีเกินคาด โดยสามารถกวาดยอดขายในช่วง IPO ได้สูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ด้วยมูลค่า AUM รวมกว่า 248 ล้านบาท พร้อมเปิดขายกองทุน Thai ESGX อีกครั้งแบบครบทั้ง 2 Share Class ทั้งสำหรับเงินลงทุนใหม่ และสำหรับการสับเปลี่ยนจาก LTF ในระหว่างวันที่ 13 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2568
นายวิน พรหมแพทย์, CFA ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย)เปิดเผยว่า กองทุน Thai ESGX จากบลจ.กสิกรไทย ทั้ง K-HDThaiESGX ที่เน้นลงทุนในหุ้นยั่งยืนปันผลสูง 100% และ K-70ThaiESGX ที่เน้นลงทุนผสมในหุ้นยั่งยืนปันผลสูง 70% และตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน 30% ที่ได้เปิดเสนอขายครั้งแรกเฉพาะเงินลงทุนใหม่ในช่วงวันที่ 2-8 พ.ค. ที่ผ่านมานั้น ได้รับเสียงตอบรับจากผู้ลงทุนดีเกินคาด ส่งผลให้ บลจ.กสิกรไทย ขึ้นแท่นแชมป์ โดยครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มกองทุน Thai ESGX ด้วยมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) รวมกว่า 248 ล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 32% จากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนทั้งหมด 19 บริษัทในตลาด (ข้อมูลจาก Morningstar ณ 13 พ.ค. 68) ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย กำหนดเปิดขายกองทุน Thai ESGX อีกครั้งแบบครบทั้ง 2 Share Class ทั้งสำหรับเงินลงทุนใหม่ และสำหรับการสับเปลี่ยนจาก LTF ในระหว่างวันที่ 13 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2568
นายวินกล่าวต่อไปว่า กองทุน Thai ESGX จากบลจ.กสิกรไทย มีจุดเด่นอยู่ที่นโยบายลงทุนในหุ้นไทยยั่งยืนตามดัชนี SET High Dividend 30 Index (SETHD) ซึ่งเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะยาว โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก 1) หุ้นบริษัทชั้นนำขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพและศักยภาพการจ่ายปันผลสูง ช่วยลดความผันผวนของพอร์ตในสภาวะตลาดมีความไม่แน่นอน 2) หุ้นในดัชนี SETHD ยังมีการประเมินมูลค่าหุ้น (Valuation) ที่ถูกกว่าดัชนี SET อย่างมีนัยสำคัญ และ 3) หุ้นในดัชนี SETHD กว่า 90% ได้รับการจัดอันดับ SET ESG Rating ในระดับสูง สะท้อนถึงคุณภาพ และการคำนึงถึงความยั่งยืน ทั้งนี้บลจ.กสิกรไทย ยังคงคาดการณ์ Dividend Yield ของดัชนี SETHD ในปีนี้และอีก 2 ปีข้างหน้าไว้ที่ประมาณ 5-6% ต่อปี ซึ่งเป็นระดับที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการรายได้สม่ำเสมอ อีกทั้งกองทุนยังมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ไทยคุณภาพดีหลากหลายประเภท ซึ่งเป็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดี โดยเฉพาะในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับตัวลงเช่นนี้
นายวินกล่าวเพิ่มเติมว่า ความสำเร็จในการบริหารจัดการกองทุนตามหลักเกณฑ์ ESG ของบลจ.กสิกรไทย สามารถการันตีได้จากรางวัลที่ได้รับมาทั้งหมดทั้งจากเวทีระดับประเทศอย่างรางวัลบลจ.ยอดเยี่ยมแห่งปีด้านความยั่งยืน (Best Asset Management Company Awards – ESG) จาก SET Awards 2024 และเวทีระดับสากลอย่างรางวัล Best ESG Manager จาก Best of the Best Awards 2025 และล่าสุดกับรางวัล Asset Management Company of the Year จาก Triple A Sustainable Investing Awards 2025 ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย มีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการลงทุนอย่างยั่งยืน โดยได้นำปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) มาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการกองทุนมาตั้งแต่ปี 2556 และเป็นบลจ.แรกของไทยที่ลงนามใน UNPRI พร้อมจัดทำรายงาน TCFD นอกจากนี้ ยังได้ประกาศความร่วมมือกับ Lombard Odier พันธมิตรที่ปรึกษาระดับโลก เพื่อร่วมกันกำหนดยุทธศาสตร์และพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนเพื่อความยั่งยืนให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ตอกย้ำเจตนารมณ์ในการยกระดับการลงทุนอย่างมีความรับผิดชอบในประเทศไทย
ผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุน K-HDThaiESGX และ K-70ThaiESGX สามารถลงทุนได้สะดวกและปลอดภัยผ่าน App K PLUS และ K-My Funds พร้อมรับสิทธิลดหย่อนภาษีปี 2568 จากทั้ง 2 Share Class สูงสุดถึง 600,000 บาท โดยสำหรับเงินลงทุนใหม่ รับสิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุดถึง 300,000 บาท และสำหรับการสับเปลี่ยนจาก LTF มายังกองทุน Thai ESGX สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ 500,000 บาท โดยแบ่งเป็นปี 2568 จำนวน 300,000 บาท และปี 2569-2572 ปีละไม่เกิน 50,000 บาท ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888
ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน • กองทุน K-70ThaiESGX อาจลงทุนในตราสารต่างประเทศได้ไม่เกิน 20% ของ NAV โดยจะป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด • กองทุนที่ไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
นายวิน พรหมแพทย์, CFA, ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) พร้อมคณะผู้บริหารของ บลจ.กสิกรไทย ให้การต้อนรับนายแพทริก เฮมเมอร์ (H.E. Mr. Patrick Hemmer) เอกอัครราชทูตลักเซมเบิร์กประจำประเทศไทย และนายทอม เธโอบาลด์ (Mr. Tom Théobald) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Luxembourg for Finance (LFF) ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐที่ดูแลการพัฒนาศูนย์กลางการเงินของลักเซมเบิร์ก เนื่องในโอกาสเยี่ยมชมธุรกิจจัดการกองทุน เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองต่อการพัฒนาตลาดเงินตลาดทุน รวมถึงทิศทางการขับเคลื่อนการลงทุนโดยเฉพาะเรื่องของการพัฒนาเทคโนโลยีทางการเงินของทั้ง บลจ.กสิกรไทย และ LFFนายวิน พรหมแพทย์, CFA, ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) พร้อมคณะผู้บริหารของ บลจ.กสิกรไทย ให้การต้อนรับนายแพทริก เฮมเมอร์ (H.E. Mr. Patrick Hemmer) เอกอัครราชทูตลักเซมเบิร์กประจำประเทศไทย และนายทอม เธโอบาลด์ (Mr. Tom Théobald) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Luxembourg for Finance (LFF) ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐที่ดูแลการพัฒนาศูนย์กลางการเงินของลักเซมเบิร์ก เนื่องในโอกาสเยี่ยมชมธุรกิจจัดการกองทุน เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองต่อการพัฒนาตลาดเงินตลาดทุน รวมถึงทิศทางการขับเคลื่อนการลงทุนโดยเฉพาะเรื่องของการพัฒนาเทคโนโลยีทางการเงินของทั้ง บลจ.กสิกรไทย และ LFF