กสิกรไทย ส่งกองทุน K-CHINNO25A-UI สำหรับผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ คว้าโอกาสทำกำไรในตลาด Private Equity ของจีน โดยผสานความเชี่ยวชาญจากกสิกร วิชั่น เซี่ยงไฮ้ และ Stepstone Group (China)นำผู้ลงทุนเข้าถึงบริษัทนอกตลาดของจีนได้อย่างมั่นใจ เปิดเสนอขายครั้งเดียว 18-30 มิถุนายนนี้ เริ่มต้นลงทุน 500,000 บาท
นายพิพิธ เอนกนิธิ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ในยุคที่จีนกำลังเปลี่ยนบทบาทจากผู้ผลิตสู่ผู้นำนวัตกรรม การถูกกีดกันจากเทคโนโลยีตะวันตกกลับกลายเป็นแรงผลักดันให้จีนเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองอย่างจริงจัง รวมทั้งให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนามากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้เกิดโอกาสการลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมใหม่ๆ อย่างธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI), การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digitalization), การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition), เทคโนโลยีชีวภาพและสุขภาพ (Biotech & Healthtech) อย่างไรก็ดี แม้ตลาดจีนยังมีความผันผวน แต่ตลาด Private Equity ของจีนยังมีความน่าสนใจ จึงเกิดความร่วมมือระหว่าง กสิกร วิชั่น เซี่ยงไฮ้ “KVPE” ซึ่งถือเป็นบริษัทลูกของธนาคารกสิกรไทยรายแรกและรายเดียวที่ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งกองทุนหุ้นนอกตลาด หรือ Private Equity ในจีนอย่างเป็นทางการ พร้อมสิทธิ์ในการนำเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้าสู่ตลาดจีนโดยตรง และพันธมิตรระดับโลก Stepstone Group (China) “Stepstone” ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน Private Equity ระดับโลกซึ่งมีประสบการณ์ในตลาดจีนกว่า 15 ปีและบลจ.กสิกรไทย “KAsset” เปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนคว้าโอกาสทำกำไรในตลาด Private Equity ของจีนผ่าน กองทุนเปิดเค China Innovation PE 25A ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย หรือ K-CHINNO25A-UI ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้กับผู้ลงทุนไทย พร้อมกระจายความเสี่ยงด้วยการลงทุนในหลากหลายบริษัทและอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่งในอนาคต
นายวิน พรหมแพทย์, CFA ประธานกรรมการบริหาร บลจ.กสิกรไทยกล่าวเสริมว่า กองทุน K-CHINNO25A-UI กำหนดเปิดเสนอขายครั้งเดียว ในระหว่างวันที่ 18 – 30 มิถุนายน 2568 เริ่มต้นลงทุน 500,000 บาท โดยมีนโยบายลงทุนผ่านกองทุนหลัก Kasikorn Vision Private Fund I (Shanghai) Limited Partnership ที่เน้นลงทุนใน 3 ด้าน คือ
1. อุตสาหกรรมหลักที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาระยะยาวของจีน ได้แก่ AI, Digitalization, Energy Transition และ Biotech & Healthtech
2. ตลาดรอง (Secondaries) และ/หรือ ลงทุนโดยตรง (Direct Investments)
3. บริษัทที่มีช่วงของธุรกิจที่มีกำไรเป็นบวก (Late Stage) หรือ มีศักยภาพในการเติบโตสูง (Growth Stage)
ทั้งนี้ ความน่าสนใจของกองทุน K-CHINNO25A-UI อยู่ที่การผสานความเชี่ยวชาญของผู้จัดการกองทุนหลักจาก KVPE และที่ปรึกษาการลงทุน Stepstone ซึ่งมีความเข้าใจตลาดเชิงลึก มีกระบวนการลงทุนตามมาตรฐานระดับโลก และเครือข่ายที่กว้างขวาง สามารถนำผู้ลงทุนเข้าถึงบริษัทนอกตลาดของจีนได้อย่างมั่นใจ โดยกองทุนจะเรียกเก็บเงินลงทุนครั้งเดียว (Single Call) และกองทุนมีอายุประมาณ 8 ปี 2 เดือน
ตลาด Private Equity ในจีนมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีขนาดสินทรัพย์เพิ่มจาก 8.7 ล้านล้านหยวนในปี 2018 เป็น 14.4 ล้านล้านหยวนในปี 2567 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นและศักยภาพของตลาดนี้ โดยกองทุน K-CHINNO25A-UI ไม่เพียงแต่เป็นโอกาสในการลงทุน แต่ยังเป็นการเชื่อมโยงระบบนิเวศทางการเงินของไทยเข้ากับการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจจีนที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ส่งผลให้จีนเร่งพัฒนาเทคโนโลยีภายในประเทศอย่างเข้มข้น นอกจากนี้ การเลือกใช้กลยุทธ์การลงทุนในตลาดรองถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ทั้งในแง่ของราคาที่ย่อมเยาและคุณภาพของสินทรัพย์ที่น่าสนใจ อีกทั้งจีนยังได้วางรากฐานที่แข็งแกร่งในการพัฒนาเทคโนโลยี โดยเน้นการส่งเสริมบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ (STEM) มีการสร้างห่วงโซ่อุปทานให้ครบครัน ซึ่งช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้า และมีการอัดฉีดเงินลงทุนจากภาครัฐในเทคโนโลยีขึ้นแนวหน้า (Frontier Technologies) อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 20 ปี ล้วนเป็นปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้เห็นว่าตลาด Private Equity ของจีนยังมีความน่าสนใจอยู่มาก
กองทุน K-CHINNO25A-UI เป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงสูงหรือซับซ้อน เหมาะสำหรับผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษที่สามารถถือครองได้เป็นเวลาประมาณ 8 ปี 2 เดือน ทั้งนี้ ผู้ลงทุนที่สนใจสามารถลงทุนขั้นต่ำ 500,000 บาท ผ่าน Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย และบลจ.กสิกรไทย โดยติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ตามช่องทางดังกล่าว หรือ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888
ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยงและขอคำแนะนำเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน
นายวิน พรหมแพทย์, CFA, ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) พร้อมคณะผู้บริหารของ บลจ.กสิกรไทย ให้การต้อนรับนายแพทริก เฮมเมอร์ (H.E. Mr. Patrick Hemmer) เอกอัครราชทูตลักเซมเบิร์กประจำประเทศไทย และนายทอม เธโอบาลด์ (Mr. Tom Théobald) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Luxembourg for Finance (LFF) ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐที่ดูแลการพัฒนาศูนย์กลางการเงินของลักเซมเบิร์ก เนื่องในโอกาสเยี่ยมชมธุรกิจจัดการกองทุน เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองต่อการพัฒนาตลาดเงินตลาดทุน รวมถึงทิศทางการขับเคลื่อนการลงทุนโดยเฉพาะเรื่องของการพัฒนาเทคโนโลยีทางการเงินของทั้ง บลจ.กสิกรไทย และ LFFนายวิน พรหมแพทย์, CFA, ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) พร้อมคณะผู้บริหารของ บลจ.กสิกรไทย ให้การต้อนรับนายแพทริก เฮมเมอร์ (H.E. Mr. Patrick Hemmer) เอกอัครราชทูตลักเซมเบิร์กประจำประเทศไทย และนายทอม เธโอบาลด์ (Mr. Tom Théobald) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Luxembourg for Finance (LFF) ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐที่ดูแลการพัฒนาศูนย์กลางการเงินของลักเซมเบิร์ก เนื่องในโอกาสเยี่ยมชมธุรกิจจัดการกองทุน เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองต่อการพัฒนาตลาดเงินตลาดทุน รวมถึงทิศทางการขับเคลื่อนการลงทุนโดยเฉพาะเรื่องของการพัฒนาเทคโนโลยีทางการเงินของทั้ง บลจ.กสิกรไทย และ LFF