บลจ.กสิกรไทย จัดงานสัมมนาการลงทุนสุดยิ่งใหญ่แห่งปี “Know The Markets Summit 2025: Core Stability Amidst Market Volatility" ชวนพันธมิตรระดับโลก J.P. Morgan Asset Management มาร่วมถ่ายทอดมุมมองเศรษฐกิจและกลยุทธ์การลงทุนปี 2026 เชื่อการจัดพอร์ตแบบ Core-Satellite Portfolio ช่วยสร้างสมดุลระหว่างความมั่นคงและโอกาสในการสร้างผลตอบแทนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เดินเกมต่อยอดสู่ Retirement Solutions มุ่งเป็นผู้นำด้านกองทุนผสมทั้งกองทุนรวมและกองทุนเพื่อการเกษียณ
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) ร่วมกับพันธมิตรระดับโลก J.P. Morgan Asset Management จัดงานสัมมนาการลงทุนสุดยิ่งใหญ่แห่งปี “Know The Markets Summit 2025: Core Stability Amidst Market Volatility" โดยได้รับเกียรติจาก Mr. Ayaz Ebrahim CEO for Singapore and Southeast Asia, J.P. Morgan Asset Management (ที่ 7 จากซ้าย) และนายวิน พรหมแพทย์, CFA ประธานกรรมการบริหาร บลจ.กสิกรไทย (ที่ 7 จากขวา) นำทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนจากทั้ง 2 บริษัท มาร่วมถ่ายทอดมุมมองเศรษฐกิจและกลยุทธ์การลงทุนสำหรับปี 2026 เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้กับผู้ลงทุนไทยในการเตรียมรับมือกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก
บลจ.กสิกรไทย และ J.P. Morgan Asset Management ยังคงเดินหน้าความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในการยกระดับการจัดสรรสินทรัพย์ทั่วโลก โดยอาศัยองค์ความรู้จากทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีเครือข่ายอยู่ทั่วโลกผ่านมุมมองการลงทุนเชิงลึก “Know The Markets" ผสานกับบทวิจัย “KAsset Capital Market Assumptions" (KCMA) ซึ่งเป็นผลงานที่เกิดจากความมุ่งมั่นทุ่มเทในการทำงานร่วมกันของทีมผู้เชี่ยวชาญกว่า 30 คน จาก 4 ทีมบริหารการลงทุนหลักจากทั้ง 2 บริษัท รวมถึงการนำเสนอกลุ่มกองทุน K-WealthPLUS Series ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง โดยนับตั้งแต่ต้นปี (YTD) ติดอันดับ 1st Quartile ในกลุ่ม Conservative, Moderate และ Aggressive Allocation อีกทั้งยังได้รับการจัดอันดับ 4-5 ดาวจาก Morningstar (ที่มา: Morningstar ณ กันยายน 2568)
นายวินกล่าวต่อไปว่า สำหรับกลยุทธ์การลงทุน Multi-Asset 2.0 ซึ่งเป็นแนวทางการกระจายการลงทุนที่พัฒนาขึ้นเพื่อรองรับความไม่แน่นอนภายใต้บริบทของความผันผวนทางเศรษฐกิจและการเงินทั่วโลก โดยเน้นการใช้ข้อมูลเชิงลึกในการตัดสินใจลงทุนภายใต้การบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม และการปรับพอร์ตตามสภาวะตลาดที่เน้นการจัดสรรสินทรัพย์อย่างยืดหยุ่นและหลากหลาย ทั้งในด้านภูมิภาค อุตสาหกรรม และประเภทสินทรัพย์ อาทิ หุ้น ตราสารหนี้ สินทรัพย์ทางเลือก และเงินสด รวมถึงล่าสุดได้เพิ่มสินทรัพย์นอกตลาด (Private Asset) เพื่อเพิ่มศักยภาพการเติบโตให้กับพอร์ตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว
“บลจ.กสิกรไทย ยังคงแนะนำการจัดพอร์ตลงทุนแบบ Core-Satellite Portfolio เพื่อสร้างสมดุลระหว่างความมั่นคงและโอกาสในการสร้างผลตอบแทน โดยเน้นสัดส่วน Core 80% และ Satellite 20% สำหรับ Core Portfolio ประกอบด้วยกลุ่มกองทุน K-WealthPLUS Series ได้แก่ K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP และ K-WPULTIMATE ที่ผสมผสานสินทรัพย์หลากหลายประเภททั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมด้วยกองทุนตราสารหนี้ทั่วโลก K-GDBOND และกองทุนหุ้นทั่วโลก K-GSELECT และ K-GPIN เพื่อเสริมความมั่นคง ในขณะที่ Satellite Portfolio เป็นส่วนที่เปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนได้เลือกลงทุนตามธีมที่น่าสนใจ ซึ่งประกอบไปด้วยกองทุน K-PROPI, K-INDIA, K-CHINA, K-ATECH, K-GPEQ-UI และ K-GPC-UI เพื่อกระจายความเสี่ยงอย่างรอบด้าน" นายวินกล่าว
นายวินกล่าวเพิ่มเติมว่า บลจ.กสิกรไทย ได้นำแนวคิด Core Portfolio ไปต่อยอดการบริหาร Retirement Solutions ให้กับลูกค้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ทำให้สมาชิกกองทุนสามารถเลือกแผน K-WealthPLUS Series ที่เหมาะกับทุกช่วงวัยทำงาน และสามารถเลือกแผน Life Path ที่ยกภาระให้ทีมผู้เชี่ยวชาญของ KAsset ดำเนินการปรับพอร์ตให้แบบอัตโนมัติ โดยจะทยอยลดสัดส่วนสินทรัพย์เสี่ยงเมื่อสมาชิกอายุมากขึ้น แม้จะเริ่มได้ไม่นาน แต่แนวคิด Core Port ก็ได้รับการตอบรับดีมาก โดยมีนายจ้างมากกว่า 300 ราย เลือก K-WealthPLUS Series เป็นหนึ่งในแผนการลงทุน ส่งผลให้มี AUM มากกว่า 1,300 ล้านบาท นอกจากนี้ มีนายจ้างมากกว่า 70 รายที่เลือก Life Path เป็นหนึ่งในแผนการลงทุนเพื่อเกษียณให้กับสมาชิกด้วย (ที่มา: บลจ.กสิกรไทย ณ กันยายน 2568)
สำหรับมุมมองการลงทุนจากงานสัมมนาในครั้งนี้ได้เน้นย้ำถึงความแข็งแกร่งของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในปี 2025 แม้เศรษฐกิจโดยรวมจะเริ่มชะลอตัว โดยได้รับแรงหนุนจากการลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งยังคงเป็นกลุ่มที่มีความต้องการสูงและมีบทบาทสำคัญต่อการเติบโตของกำไรต่อหุ้น โดยเฉพาะบริษัทชั้นนำอย่าง Nvidia และ Apple ที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน การเริ่มต้นวัฏจักรลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้ส่งผลเชิงบวกต่อความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน อย่างไรก็ตาม การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงกระจุกตัวในกลุ่มเทคโนโลยี จึงมีความจำเป็นต้องกระจายความเสี่ยงผ่านการลงทุนในหลากหลายประเภทสินทรัพย์ รวมถึงพิจารณาตลาดหุ้นในเอเชียที่ยังมีศักยภาพเติบโต โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีในอินเดียและไต้หวัน
ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และขอคำแนะนำเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน
นายวิน พรหมแพทย์, CFA, ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) พร้อมคณะผู้บริหารของ บลจ.กสิกรไทย ให้การต้อนรับนายแพทริก เฮมเมอร์ (H.E. Mr. Patrick Hemmer) เอกอัครราชทูตลักเซมเบิร์กประจำประเทศไทย และนายทอม เธโอบาลด์ (Mr. Tom Théobald) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Luxembourg for Finance (LFF) ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐที่ดูแลการพัฒนาศูนย์กลางการเงินของลักเซมเบิร์ก เนื่องในโอกาสเยี่ยมชมธุรกิจจัดการกองทุน เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองต่อการพัฒนาตลาดเงินตลาดทุน รวมถึงทิศทางการขับเคลื่อนการลงทุนโดยเฉพาะเรื่องของการพัฒนาเทคโนโลยีทางการเงินของทั้ง บลจ.กสิกรไทย และ LFFนายวิน พรหมแพทย์, CFA, ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) พร้อมคณะผู้บริหารของ บลจ.กสิกรไทย ให้การต้อนรับนายแพทริก เฮมเมอร์ (H.E. Mr. Patrick Hemmer) เอกอัครราชทูตลักเซมเบิร์กประจำประเทศไทย และนายทอม เธโอบาลด์ (Mr. Tom Théobald) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Luxembourg for Finance (LFF) ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐที่ดูแลการพัฒนาศูนย์กลางการเงินของลักเซมเบิร์ก เนื่องในโอกาสเยี่ยมชมธุรกิจจัดการกองทุน เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองต่อการพัฒนาตลาดเงินตลาดทุน รวมถึงทิศทางการขับเคลื่อนการลงทุนโดยเฉพาะเรื่องของการพัฒนาเทคโนโลยีทางการเงินของทั้ง บลจ.กสิกรไทย และ LFF