2/8/2025

How To จัดการเงินโบนัสก้อนใหญ่ ให้ชนะเงินเฟ้อ​

อย่าเพิ่งเลื่อนผ่าน… ถ้าไม่อยากให้โบนัสก้อนใหญ่ กลายเป็นเงินก้อนเล็ก 

เชื่อว่าแต่ละคนพอได้โบนัสมาแล้ว ก็คงมีการจัดสรรเงินตามความจำเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะให้รางวัลตัวเอง จ่ายโปะหนี้บ้าน หรือรถ เพื่อลดเงินต้น รวมถึงเก็บออมไว้ในบัญชีเงินฝาก

แต่รู้ไหมว่า…คนที่เลือกเก็บออมเงินโบนัสไว้ในบัญชีเงินฝาก อาจไม่ใช่คำตอบที่ดีแบบที่คิดนะ   

เพราะยิ่งเวลาผ่านไป เราก็จะเจอกับเงินเฟ้อมากขึ้น และเมื่อเราฝากเงินไว้ในบัญชีเงินฝาก จะทำให้ได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ค่อนข้างต่ำ สิ่งที่ควรทำคือ การนำเงินไปต่อยอดด้วยการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ 

โดยหากเรานำเงินไปลงทุนในบัญชีบัตรเงินฝากในระยะเวลาต่าง ๆ (Certificate of Deposit - CD) แล้วถือครองระยะเวลา 1 ปี จะได้ผลตอบแทนต่ำกว่า เมื่อนำไปเทียบกับการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ หุ้นทั่วโลก หรือการลงทุนแบบผสมหุ้นกับตราสารหนี้  
(ข้อมูลจากบทวิเคราะห์ Know The Markets ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2024)

มาถึงตรงนี้ หากใครที่เป็นมือใหม่ อยากต่อยอดเงินโบนัส และกำลังเริ่มมีใจให้กับการลงทุน 

ขอแนะนำ 'การลงทุนแบบ DCA หรือ Dollar-Cost Averaging' ที่มีข้อดีหลากหลาย 
● สร้างวินัยในการลงทุน เพราะจะต้องหักเงินไปลงทุนทุกเดือน
● ไม่ต้องจับจังหวะตลาด เพราะเป็นการลงทุนโดยที่ไม่ต้องสนใจว่าราคาจะถูกหรือแพง
● ใช้เงินก้อนเล็ก หรือก้อนใหญ่ก็ได้ เพราะเป็นการทยอยลงทุนด้วยจำนวนเท่า ๆ กัน แล้วสะสมไปเรื่อย ๆ 

ทีนี้เราจะลองยกตัวอย่าง เพื่อให้ทุกคนเห็นว่าผลตอบแทนที่ได้ จะมีความแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน โดยแบ่งออกเป็น 2 ทีมหลัก คือ  

● ทีมที่ 1 เน้นฝากเงินนิ่งๆไว้ในบัญชีออมทรัพย์
ฝากเงินไว้ในบัญชีเงินฝาก อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 1.5% ต่อปี โดยนำเงินจำนวน 30,000 บาท ฝากไว้เป็นระยะเวลา 2 ปี : ผลตอบแทนจะอยู่ที่ 30,906.75 บาท 

● ทีมที่ 2 นำเงินไปลงทุน แบบ DCA
ลงทุนด้วยวิธี DCA ในกองทุนรวมหุ้น อัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 8% ต่อปี โดยนำเงินจำนวน 30,000 บาท แบ่งไปลงทุนด้วยวิธี DCA เดือนละ 1,250 บาท ระยะเวลา 2 ปี : ผลตอบแทนจะอยู่ที่ 32,632.60 บาท เลยทีเดียว
(ข้อมูลจากสำนักงาน ก.ล.ต. และตัวเลขดังกล่าวเป็นการประมาณการผลตอบแทน ไม่ใช่ตัวเลขจริง)

จะเห็นได้ว่า ทีมที่ 2 ที่ได้นำเงินโบนัสไปลงทุนจะได้ผลลัพธ์ดีกว่าการนำไปฝากไว้ในบัญชีเงินฝาก 
นอกจากนี้ หากเรา DCA ในระยะยาว จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนมากขึ้น และสามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้อีกด้วย  

แล้วคุณจะเลือกอยู่ทีมไหน ก็ตัดสินใจได้เลย! สำหรับใครที่ตัดสินใจจะอยู่ทีมที่ 2 และกำลังมองหากองทุนรวมสำหรับการ DCA ขอแนะนำ 

กองทุนผสม K-WealthPLUS Series 
กลุ่มกองทุนผสม รวมทุกสินทรัพย์ ครบจบในหนึ่งเดียว มีให้เลือก 3 สไตล์ ตามสัดส่วนหุ้นที่เหมาะกับตัวเอง

1. K-WPBALANCED เน้นลงทุนในตราสารหนี้ 55-85% และหุ้น 15-45% เหมาะกับคนรับความเสี่ยงได้ปานกลาง 
2. K-WPSPEEDUP ลงทุนผสม เน้นสัดส่วนในหุ้นมากขึ้น 50-80% เหมาะกับคนที่ต้องการผลตอบแทนมากขึ้น แต่ไม่ต้องการให้พอร์ตเหวี่ยงเกินไป
3. K-WPULTIMATE ลงทุนในหุ้นได้ถึง 100% เหมาะกับคนที่รับความผันผวนได้สูง และต้องการให้พอร์ตเติบโตสูง

รับความเสี่ยงได้สูง แนะนำกองทุนหุ้นเติบโต
1. K-GSELECT ลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ในประเทศที่พัฒนาแล้วทั่วโลก โดยมีการกระจายไปในหลายภูมิภาค จึงช่วยลดความเสี่ยงในการกระจุกตัว
2. K-USA ลงทุนในหุ้นของบริษัทชั้นนำในสหรัฐฯ เช่น Microsoft, NVIDIA, Visa ที่เป็นผู้นำตลาดได้อย่างยั่งยืน 
3. K-VIETNAM ลงทุนในหุ้นเวียดนามในกลุ่มการเงิน อสังหาฯ อุปโภคบริโภค ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง 

รับความเสี่ยงได้ต่ำ แนะนำ DCA กองทุนตราสารหนี้
K-FIXEDPLUS ลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพสูง ทั้งในไทย และต่างประเทศ เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนในระยะยาว

โดยสามารถเริ่มต้นลงทุนผ่านแอป K-My Funds เริ่มต้นเพียง 500 บาทเท่านั้น​​

ที่มา: บลจ.กสิกรไทย 

ข้อมูล ณ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2568​

คำเตือน ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน​


Yes
2/8/2025
0
situation