
"เทรนด์ AI ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีที่มาแล้วก็ผ่านไป
แต่อาจเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ ที่กำลังสร้างโอกาสการลงทุนครั้งสำคัญให้กับนักลงทุน"
จากการรายงาน AI Index Report 2024 ที่จัดทำโดย HAI พบว่าในปี 2023 มีองค์กรถึง 55% ที่นำ AI มาใช้กับงานบางส่วน โดยเฉพาะ Generative AI ที่มีเม็ดเงินลงทุนสูงถึง 25.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 30 เท่าตัวจากปี 2019
และล่าสุด วงการ AI ต้องสั่นสะเทือนอีกครั้ง
"เมื่อมีผู้เล่นหน้าใหม่ที่น่าจับตาอย่าง “DeepSeek” สตาร์ตอัปจากจีน ที่สามารถพัฒนา AI คุณภาพสูงด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่า"
โดยความพิเศษของ AI ตัวนี้อยู่ที่การใช้เทคโนโลยี “Mixture of Experts” หรือ MoE ที่ทำให้ AI ทำงานเหมือนทีมผู้เชี่ยวชาญหลายคน
ตัวอย่างเช่น เมื่อเราป้อนคำถามเกี่ยวกับการเขียนโค้ด โมเดลก็จะเปิดโหมดผู้เชี่ยวชาญด้านโปรแกรมมิ่งมาตอบ โดยไม่ต้องเปิดใช้งานโหมดอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
ด้วยวิธีนี้จึงทำให้ DeepSeek สามารถพัฒนา AI ที่มีประสิทธิภาพสูงด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่าคู่แข่งหลายเท่า เพราะใช้ทรัพยากรการคำนวณน้อยกว่า แถมยังเรียนรู้และปรับตัวได้เร็วกว่านั่นเอง
จากปรากฏการณ์ดังกล่าว คือสัญญาณที่บ่งชี้ว่า การแข่งขันในโลก AI กำลังเข้มข้นขึ้น พร้อมกับการเกิดขึ้นของนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะมาเปลี่ยนโลกธุรกิจแบบเดิม
อะไร? คือ การเปลี่ยนแปลงที่น่าจับตามอง ในปี 2025
1. Multimodal AI
AI ที่สามารถประมวลผลข้อมูลได้หลากหลายรูปแบบพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นข้อความ รูปภาพ เสียง หรือวิดีโอ
ตัวอย่างเช่น ChatGPT โปรแกรมแช็ตบอตที่ถูกพัฒนาโดย OpenAI ที่มีความสามารถหลากหลาย ทั้งการแปลภาษา เขียนโปรแกรม สร้างรูปภาพจากข้อความ สรุปข้อมูลจากวิดีโอ เป็นต้น
2. Agentic AI
AI รูปแบบใหม่ที่มีความสามารถในการทำงานคล้ายมนุษย์มากขึ้น โดยเฉพาะความสามารถในการคิด วิเคราะห์ วางแผน และตัดสินใจได้เองแบบอัตโนมัติ จึงทำงานได้อย่างอิสระ ช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากร เพราะลดการพึ่งพามนุษย์นั่นเอง
ตัวอย่างเช่น Visa Deep Authorization (VDA) เทคโนโลยี AI ที่ Visa พัฒนาขึ้นมา เพื่อช่วยป้องกันการทุจริตในการทำธุรกรรมออนไลน์ โดย VDA จะคอยวิเคราะห์ข้อมูลธุรกรรมต่างๆ เช่น เวลา สถานที่ ประวัติการซื้อ และพฤติกรรมของผู้ถือบัตร เพื่อประเมินความเสี่ยงของการทุจริตแบบเรียลไทม์
3. Disinformation Security
ความหมายตรง ๆ ก็คือการใช้เทคโนโลยี โดยเฉพาะ AI ในการตรวจจับและป้องกันข้อมูลเท็จ ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลผ่านข้อความ รูปภาพ และวิดีโอ
ตัวอย่างเช่น ระบบ AI ของ Meta ที่ใช้ตรวจจับเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ซึ่งถ้าหากตรวจพบบน Facebook ก็จะดำเนินการลบโพสต์ หรือมีการแจ้งเตือนไปยังผู้ใช้งานทันที
4. AI Medical
คือ การนำเทคโนโลยี AI มาประยุกต์ใช้ในด้านการแพทย์และการดูแลสุขภาพ เพื่อช่วยให้การวินิจฉัยโรค การรักษาพยาบาลและการดูแลสุขภาพ มีประสิทธิภาพและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
ตัวอย่างเช่น UnitedHealth Group บริษัทประกันยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ที่ใช้ AI เข้ามาปฏิวัติวงการแพทย์ ด้วยแพลตฟอร์ม OptumIQ ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพของผู้ป่วย เพื่อระบุโรคได้อย่างแม่นยำ และสามารถออกแบบแผนการรักษา ที่เหมาะสมกับความต้องการและลักษณะเฉพาะของผู้ป่วยแต่ละราย
ถึงตรงนี้ หลายคนอาจมองว่า “หุ้นเทคโนโลยี” คือผู้ได้รับประโยชน์หลักจากเทรนด์ AI แต่ความจริงแล้ว บริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ต่างได้รับประโยชน์จากเทรนด์นี้ไม่แพ้กัน
ทำไม ถึงเป็นเช่นนั้น ?
คำตอบอยู่ที่ “ความได้เปรียบ” 3 ด้านสำคัญ ที่ทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้น่าสนใจลงทุนในยุค AI ได้แก่
1. ฐานข้อมูลขนาดใหญ่
ปฏิเสธไม่ได้ว่า Big Data คือหัวใจสำคัญในการพัฒนา AI ยิ่งมีข้อมูลมากเท่าไร AI ก็ยิ่งฉลาดและเก่งขึ้นมากเท่านั้น บริษัทที่มีฐานข้อมูลขนาดใหญ่ จึงได้เปรียบในการพัฒนา AI เพราะสามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ นำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ตลาด ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้และผลกำไรให้กับบริษัท เช่น การเพิ่มยอดขาย การลดต้นทุน เป็นต้น
2. ทรัพยากรและเงินทุนมหาศาล
บริษัทที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่งและมีเม็ดเงินพร้อมลงทุน ย่อมได้เปรียบในการพัฒนาเทคโนโลยี AI ทั้งผ่านการลงทุนวิจัยและพัฒนา (R&D) และการเข้าซื้อกิจการสตาร์ทอัพที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ดังนั้น การลงทุนในบริษัทที่มีความพร้อมด้านเงินทุน จึงเปรียบเสมือนการลงทุนในผู้นำตลาดที่มีโอกาสเติบโตสูง และมีความเสี่ยงต่ำกว่าบริษัทที่มีข้อจำกัดด้านเงินทุน เพราะสามารถปรับตัวและแข่งขันได้ดีในทุกสถานการณ์นั่นเอง
3. เครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่ง
การมีเครือข่ายธุรกิจ พันธมิตร และลูกค้าที่กว้างขวาง เปรียบเหมือนแต้มต่อสำคัญ ที่ช่วยให้บริษัทสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี ผู้เชี่ยวชาญ และตลาดใหม่ ๆ ได้ง่าย เพื่อใช้สำหรับพัฒนาและประยุกต์ใช้ AI ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ในมุมของนักลงทุน บริษัทเหล่านี้มีความน่าสนใจอย่างมาก เนื่องจากบริษัทมีโอกาสสร้างรายได้จากหลายช่องทาง จากการขยายฐานลูกค้าผ่านเครือข่ายพันธมิตร และการพัฒนาบริการ AI ร่วมกัน รวมไปถึงการประหยัดต้นทุนและเวลาในการพัฒนา AI จากการอาศัยพึ่งพาทรัพยากรและความเชี่ยวชาญของพันธมิตร
"ด้วย 3 จุดแข็งนี้เอง ที่ทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่พื้นฐานดีทั่วโลกพร้อมที่จะเติบโตไปกับเทรนด์ AI นับต่อจากนี้ "
สำหรับนักลงทุนที่อยาก ‘ทะยานไปกับธุรกิจเทคโนโลยีแห่งอนาคต’ ที่มีความได้เปรียบในด้าน AI บลจ.กสิกรไทย ขอแนะนำ
K-GTECH : ลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีระดับโลก ครอบคลุมบริษัททุกขนาด ตั้งแต่เล็กไปจนถึงใหญ่
K-USXNDQ : ลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ผ่าน ETF ที่อ้างอิงผลตอบแทนกับดัชนี Nasdaq-100
K-USA : ลงทุนในหุ้นชั้นนำของสหรัฐฯ ที่มีศักยภาพในการแข่งขันสูง และเป็นผู้นำตลาดอย่างยั่งยืน
K-GSELECT : กระจายลงทุนหุ้นตัวท็อป ยักษ์ใหญ่ทั่วโลก ด้วยกลยุทธ์ Core Equity
พร้อมคว้าโอกาสเติบโตในยุค AI เทรนด์ที่กำลังขับเคลื่อนโลกในวันนี้และอนาคต
ที่มา: บลจ.กสิกรไทย
ข้อมูล ณ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568
คำเตือน ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน โดยศึกษานโยบายกองทุนและความเสี่ยงได้ที่
www.kasikornasset.com