5/6/2022

เกิดอะไรขึ้น? 3 ตลาดหุ้นสหรัฐฯทรุดหนัก หุ้นเทคฯเผชิญแรงขายรุนแรง​

​​​​​​​​​​​​เมื่อคืนนี้ (พฤหัสฯ) นักลงทุนเทขายหุ้นสหรัฐฯออกมาอย่างหนัก หลังเมื่อคืนวันพุธตลาดดีดตัวขึ้นกว่า 3% ตอบรับถ้อยแถลงการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)

การย่อตัวเมื่อคืนนี้ ได้ล้างภาพการปรับตัวขึ้นในคืนวันพุธทั้งหมด โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ตัวทรุดหนัก ได้แก่ S&P 500 -3.56%, Dow Jones -3.12% และ Nasdaq -4.99%
หุ้น Megacap กลุ่มเทคโนโลยีถูกกดดันอย่างรุนแรง เช่น Alphabet (-4.7%), Amazon (-7.6%), Microsoft (-4.4%), Nvidia (-7.3%) และ Tesla (-8.3%)
ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาสหรัฐฯอายุ 10 ปี ขยับตัวขึ้นโดยเช้าวันนี้อยู่ที่ 3.09% ด้านราคาน้ำมันทรงตัวในระดับสูงที่ 108.55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ทองคำไม่ได้ตอบรับในด้านบวกและทรงตัวที่ระดับ $1,870​

ธนาคารกลางสหรัฐฯประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย และเตรียมลดการถือครองสินทรัพย์ เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา
ธนาคารกลางสหรัฐฯประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.5% เมื่อคืนวันพุธ มาสู่ระดับ 0.75% - 1.00% เป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่สองในรอบกว่า 3 ปี เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่ดีดตัวขึ้นมาสูง และตลาดมองว่าจะเห็นการขึ้นดอกเบี้ยในอัตรา 0.5% ต่อไปได้อีกหลายครั้ง ทั้งนี้ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯกล่าวว่าไม่มีแผนที่จะขึ้นดอกเบี้ยแต่ละครั้งในอัตราที่สูงกว่า 0.5% แต่อย่างใด

เฟดจะเริ่มทยอยดึงสภาพคล่องออกจากระบบ (QT: Quantitative Tightening) ตั้งแต่ 1 มิ.ย. เป็นต้นไป โดยในช่วง 3 เดือนแรกจะลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯและตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันจำนอง (MBS) ที่ระดับ 4.75 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน และเพิ่มเป็น 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือนระหว่าง 1 ก.ย. – 30 พ.ย. 2565

นักลงทุนกังวล สหรัฐฯอาจเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย และเฟดอาจควบคุมเงินเฟ้อไม่ได้
Reuters รายงานว่านักลงทุนกังวลมาตรการของธนาคารกลางสหรัฐฯ จะไม่เพียงพอที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้ 
นอกจากนั้นนักลงทุนยังกังวลแนวโน้มผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในระยะ 2-3 ไตรมาสข้างหน้า หลังบริษัทขนาดใหญ่บางแห่งเริ่มได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งในยูเครนและอัตราเงินเฟ้อที่ยังทรงตัวในระดับสูง 
ทั้งนี้รัฐบาลสหรัฐฯรายงานการขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาสแรกที่ -1.4% แย่กว่าที่คาดว่าจะขยายตัวได้ +1% ดังนั้นหากจีดีพีไตรมาสสองยังคงถูกกดดันจากเงินเฟ้อและปัญหาในยูเครน และหดตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่สอง ก็จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯเข้าสู่ภาวะ Technical Recession ได้

มุมมองจากทีม Multi-Asset
คาดว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงผันผวนจากความกังวลถึงการใช้นโยบายการเงินตึงตัวต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นและทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยนักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อเดือนเมษายนที่จะประกาศในสัปดาห์หน้า (พุธ 11 พ.ค. 2565) นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่ายังเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ยังสูง และอาจยังไม่ต่างจากเดือนก่อนหน้าที่ 8.5% เมื่อเทียบจากปีก่อน

คำแนะนำการลงทุน
KAsset คงคำแนะนำการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ระดับเป็นกลาง (Neutral) ยังไม่แนะนำให้เข้าลงทุน

ทั้งนี้ จากการใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวมากขึ้น ส่งผลให้สภาพคล่องในระบบลดลง จะเป็นปัจจัยกดดัน valuation ของตลาดหุ้นโดยภาพรวม แม้การเติบโตทางเศรษฐกิจจะฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นจากเงินเฟ้อที่เร่งตัว ส่งผลลบต่อแนวโน้มความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในอนาคต อีกทั้งยังมีตลาดหุ้นของภูมิภาคอื่นที่ระดับราคาและ Upside ที่น่าสนใจมากกว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ

 

บทความโดย ฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์การลงทุน บลจ.กสิกรไทย

ข้อมูล ณ วันที่ 6 พ.ค. 2565​​​​

Yes
5/6/2022