7/6/2022

4 โอกาสในการลงทุน ผ่านภูมิภาคเอเชีย ...ที่โดดเด่น​

​​​​​​​​​​​​​​​​​​

HIGHLIGHTS :
• รัฐบาลจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมลดดอกเบี้ยซึ่งสวนทางกับประเทศอื่นๆ​
• เมื่อญี่ปุ่นเปิดประเทศจะทำให้เห็นการฟื้นตัวที่โดดเด่นโดยเฉพาะภาคการบริการ ​
• เวียดนามมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการผลิตเพื่อการส่งออกหลังคลายล็อกดาวน์ 
• กนง.ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง จากการบริโภคภาคเอกชนที่ฟื้นตัวดีกว่าคาดมากโดยเฉพาะภาคบริการ​​
การปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ของ Fed ในการประชุมครั้งล่าสุด แม้จะไม่ได้เหนือความคาดหมายของตลาด แต่ก็ได้สะท้อนว่า Fed มีความมุ่งมั่นที่จะควบคุมเงินเฟ้อ การใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวมากขึ้นนอกจากจะส่งผลให้สภาพคล่องในระบบลดลง แล้วยังส่งผลต่อการปรับคาดการณ์ GDP และการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนถูกปรับลง จากต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นเพิ่มเติมจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นมาต่อเนื่อง ดังนั้น ในระยะถัดไป ความกังวลด้านการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯจากเงินเฟ้อที่ทรงตัวในระดับสูงและดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นมาน่าจะยังจำกัดการปรับตัวขึ้น (Upside) ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ

อย่างไรก็ดี ในภาพรวม ระดับราคาหุ้นในหลายภูมิภาคทั่วโลกต่างปรับตัวลงมาที่ระดับใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยระยะยาว อีกทั้งภาพในช่วงที่เหลือของปีนี้ กำไรบริษัทจดทะเบียนและเศรษฐกิจของหลายๆภูมิภาคก็ยังขยายตัวได้ แม้จะชะลอตัว ส่งผลให้หุ้นจะยังให้ผลตอบแทนดีกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่น หากจะรอให้ตลาดย่อจนต่ำสุดแล้วค่อยเข้าลงทุนอาจจะไม่ทันการได้ 

4 โอกาสในการลงทุน ผ่านภูมิภาคเอเชียที่โดดเด่น

จีน... จะกลับมาผงาดอีกครั้ง 
ภายหลังเผชิญแรงกดดันเพิ่มเติมในปีนี้จากการล็อกดาวน์เมืองใหญ่ที่ยาวนาน ซึ่งส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานและการบริโภคในประเทศเป็นอย่างมาก แต่รัฐบาลจีนรับรู้ปัญหาและได้มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเรื่อยๆ ทั้งการคลังและการเงินที่ยังมีกระสุนอีกมาก พร้อมลดดอกเบี้ยซึ่งสวนทางกับประเทศอื่นๆ นอกจากนี้ยังลด​ความคุมเข้มด้านนโยบายที่มีต่อภาคธุรกิจต่างๆ ล่าสุดการคลายล็อกดาวน์เมืองใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้และปักกิ่ง ทำให้ภาพต่างๆดีขึ้น เพราะจะช่วยลดปัญหาด้านโลจิสติกและห่วงโซ่อุปทาน ภาคธุรกิจสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ นอกจากนี้ การที่รัฐบาลจีนมีแผนพัฒนาประเทศที่ชัดเจนและมุ่งให้เศรษฐกิจโตตามเป้าในปีนี้ ทำให้มีหุ้นที่จะได้ประโยชน์อีกเป็นจำนวนมาก หากพิจารณาที่ราคาหุ้น ระดับปัจจุบันถือว่าถูกกว่าประเทศอื่นและต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวในอดีต สะท้อนตลาดหุ้นรับรู้ปัจจัยลบต่างๆไปมากแล้ว 

ญี่ปุ่น... กับความหวังต่อการเปิดประเทศ  
ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกคนเฝ้ารอการกลับมาเปิดประเทศแบบเต็มรูปแบบของญี่ปุ่น ซึ่งหากเทียบกับประเทศอื่นๆ ถือว่าญี่ปุ่นระมัดระวังเรื่องนี้เป็นอย่างมาก การเปิดประเทศที่ช้ากว่าประเทศอื่นๆ จะทำให้เห็นการฟื้นตัวที่โดดเด่นโดยเฉพาะภาคบริการ ด้านธนาคารกลางญี่ปุ่นยังมีแนวโน้มที่จะใช้นโยบายแบบผ่อนคลายอีกนาน นอกจากจะหนุนสภาพคล่องในระบบ ทิศทางนโยบายการเงินที่สวนทางกับสหรัฐฯ ส่งผลให้ค่าเงินเยนให้อ่อนค่า เป็นประโยชน์ต่อหุ้นกลุ่มส่งออก และสนับสนุนการปรับขึ้นคาดการณ์กำไรของตลาดหุ้นในปีนี้

เวียดนาม... เสือเศรษฐกิจตัวใหม่แห่งเอเชีย  ​ 
เศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตดีกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกัน จากการฟื้นตัวของภาคการผลิตเพื่อการส่งออกหลังคลายล็อกดาวน์ การขยายตัวของประชากรวัยทำงานที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้รายได้ต่อหัวเพิ่มและหนุนการบริโภคภายในประเทศ เม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) ยังคงไหลเข้าประเทศอย่างต่อเนื่องเพื่อใช้เวียดนามเป็นฐานการผลิตส่งออกไปยังทั่วโลก แบรนด์ยักษ์ใหญ่ต่างมีฐานการผลิตที่เวียดนาม ไม่ว่าจะเป็น Apple Samsung และ Lego ด้านอัตราการเติบโตกำไรของบริษัทจดทะเบียนมีความโดดเด่นในภูมิภาค มากกว่า 20% ในปีนี้และปีหน้า​
 
และสุดท้าย สำหรับนักลงทุนที่ยังอยากมีหุ้นไทยติดพอร์ต ก็สามารถเข้าลงทุนได้ 
การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประเมินว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง คาดการณ์จะขยายตัว 3.3% และ 4.2% ในปี 2565 และ 2566 ตามลำดับ จากการบริโภคภาคเอกชนที่ฟื้นตัวดีกว่าคาดมากโดยเฉพาะภาคบริการ

รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากการเปิดประเทศที่เร็วขึ้นของทั้งไทยและต่างประเทศ ขณะที่การระบาดของโควิด-19 และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยจำกัด บลจ.กสิกรไทยมองเป้าดัชนี SET ปลายปีที่ 1,750-1,800 จุดในสิ้นปีนี้

คำแนะนำการลงทุน
กองทุน K-CHINA​ : ​ลงทุนในหุ้นจีนที่จดทะเบียนในประเทศต่างๆทั่วโลก (All China) ที่มีคุณภาพดี เติบโตสูง เน้นหุ้นกลุ่มเศรษฐกิจใหม่ (New Economy) ซึ่งจะได้ประโยชน์จากแผนพัฒนาเศรษฐกิจจากรัฐบาล อาทิ นวัตกรรมใหม่ๆ เศรษฐกิจสีเขียว ตลาดหุ้นจีนปีนี้มีปัจจัยสนับสนุนการไปต่อที่ค่อนข้างโดดเด่น ​
กองทุน ​K-JP : ลงทุนในหุ้นญี่ปุ่นไม่จำกัดขนาด เน้นหุ้นที่มีราคาถูก (P/E ต่ำ) และผลตอบแทนจากการลงทุน (Return On Equity: ROE) เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ระดับราคาหุ้นญี่ปุ่นที่ต่ำกว่าประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ ทำให้น่าสนใจเข้าลงทุน ​​ ​​
กองทุน ​K-VIETNAM : ลงทุนในหุ้นเวียดนามชั้นนำ กลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศ เช่น กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ สินค้าอุปโภคบริโภค และการเงิน ระดับราคาหุ้นเวียดนามที่ย่อตัวลงมาเยอะในปีนี้จึงเป็นโอกาสเข้าสะสมสำหรับการลงทุนระยะยาว
กองทุน K-STAR : ลงทุนในหุ้นไทยขนาดใหญ่ และมีการกระจายน้ำหนักการลงทุนในหุ้นขนาดกลาง/เล็ก ที่มีศักยภาพการเติบโตที่ดีในระยะยาว และมีการจับจังหวะซื้อขายทำกำไร
กองทุน K-BANKING : ลงทุนในหุ้นธนาคารตามดัชนี SET Banking Sector มุ่งหวังให้ผลตอบแทนเคลื่อนไหวตามดัชนีดังกล่าว ทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นจะเป็นประโยชน์ต่อหุ้นกลุ่มนี้​

บทความโดย ฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์การลงทุน บลจ.กสิกรไทย​
ข้อมูล ณ วันที่ 22 มิ.ย. 2565

หมายเหตุ "ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน"


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง 
ดอกเบี้ยขาขึ้นหนุนหุ้นไทย >>อ่านต่อ 
โอกาสลงทุนหลังการท่องเที่ยวฟื้น >>อ่านต่อ​ ​​
เอาไงต่อดีกับตลาดเอเชีย >>อ่านต่อ​​ 


Yes
7/6/2022