
วิเคราะห์เจาะลึก เหตุการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย - กัมพูชา
KAsset มองผลกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นจำกัด แนะนำจัดพอร์ตเน้นหุ้นปันผลสูง
คาดผลกระทบต่อเศรษฐกิจจำกัด
KAsset มองว่า เหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างไทย - กัมพูชา จะส่งผลกระทบจำกัดต่อเศรษฐกิจ เนื่องจากมูลค่าการส่งออกของไทยไปกัมพูชา คิดเป็นประมาณ 3% ของปริมาณการส่งออกรวม โดยความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการค้าชายแดนเป็นหลัก
สำหรับนักท่องเที่ยวกัมพูชาคิดเป็นสัดส่วนเพียง 1.6% ของนักท่องเที่ยวรวม และมีแนวโน้มลดลงตั้งแต่ปี 2023
หุ้นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ
• บริษัทจดทะเบียนที่มีกิจการในชายแดนหรือในประเทศกัมพูชา ได้แก่ โรงพยาบาลที่มีสาขาในชายแดน กลุ่มค้าปลีก ก่อสร้าง อาหาร บันเทิง โรงกลั่น
• อย่างไรก็ตาม สัดส่วนรายได้ดังกล่าวต่อรายได้รวมค่อนข้างน้อย สูงสุดไม่เกิน 5% ยกเว้นบริษัทในหมวดเครื่องดื่ม ซึ่งมีสัดส่วนรายได้สูงสุดในกัมพูชาอยู่ที่ประมาณ 20% ทั้งนี้ บริษัทได้เปลี่ยนวิธีการขนส่งเป็นทางเรือเพื่อแก้ปัญหาการขนส่งสินค้าข้ามชายแดนแล้ว
มุมมองต่อตลาดหุ้นไทย
ความขัดแย้งดังกล่าวสร้าง Sentiment ทางลบต่อตลาด อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความเกี่ยวเนื่องด้านเศรษฐกิจและบริษัทจดทะเบียนค่อนข้างน้อย จึงมองว่าผลกระทบโดยตรงยังอยู่จำกัดบริเวณชายแดน โดยเฉพาะความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
สำหรับผู้ที่ยังมองหาโอกาสลงทุนหุ้นไทย แนะนำจัดพอร์ตที่เน้นการลงทุนในหุ้นปันผลสูง เนื่องจากมีโอกาสให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ โดย Dividend Yield ของ SETHD Index สูงถึง 6.9% เหมาะกับสภาวะที่ตลาดมีความไม่แน่นอนสูง ทั้งจากการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ เสถียรภาพทางการเมือง และความขัดแย้งไทย-กัมพูชา
กองทุนแนะนำ
K-VALUE เน้นลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด
(Morningstar 5 ดาว ณ 30 มิ.ย. 2025)
ที่มา : KAsset Investment Strategy
ข้อมูล ณ วันที่ 25 กรกฎาคม 2025
ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน