ผลการประชุม Fed โดยรวมเป็นไปตามที่ตลาดคาด ถ้อยแถลงของ Fed ยังสะท้อนความไม่แน่นอนสูงเกี่ยวกับนโยบายทางภาษีที่อาจจะกระทบทั้งอัตราเงินเฟ้อและตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ส่งผลให้การดำเนินนโยบายทางการเงินจะเป็นไปอย่างระมัดระวัง ขึ้นอยู่กับพัฒนาการของเศรษฐกิจเป็นสำคัญ แม้ว่าคณะกรรมการ 2 ท่านจะมีความเห็นว่าควรลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ก็ตาม
ทั้งนี้ KAsset มองว่า Fed จะสามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ 1-2 ครั้งภายในสิ้นปี 2025 จากตัวเลขเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มขยายตัวต่ำลงในระยะข้างหน้า ซึ่งหากตลาดแรงงานเริ่มส่งสัญญาณการชะลอตัว Fed จะสามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจได้ เรายังแนะนำให้นักลงทุนทยอยสะสมตราสารหนี้โลก
ด้านตัวเลขเศรษฐกิจ GDP สหรัฐฯ ที่ออกมาสูงกว่าตลาดคาด เป็นผลมาจากการนำเข้าที่ลดลงมาก หลังมีการเร่งนำเข้าสินค้าเพื่อหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษีนำเข้าไปแล้วในช่วงไตรมาสก่อนหน้า ในขณะที่ อุปสงค์ภายในประเทศชะลอตัวลง ขยายตัวต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4/2022 แต่เป็นสิ่งที่ตลาดคาดไว้อยู่แล้ว ซึ่งตัวเลข GDP ที่ประกาศออกมานี้ทำให้เรามองว่า โอกาสการเกิด recession ในสหรัฐฯ ยังมีน้อย ซึ่งเป็นผลบวกกับสินทรัพย์เสี่ยง
คำแนะนำการลงทุน
"แนะนำให้จัดพอร์ตแบบกระจายความเสี่ยง โดยใช้ Core-Satellite Portfolio"
ส่วนที่ 1 : Core Portfolio เพื่อเสริมความมั่นคง และลดความผันผวน
• K-WPBALANCED / K-WPSPEEDUP / K-WPULTIMATE กองทุนผสม กระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลก พร้อมปรับกลยุทธ์อย่างคล่องตัว
• K-FIXEDPLUS กองทุนตราสารหนี้ระยะกลางถึงยาว ลงทุนในตราสารหนี้ไทย และต่างประเทศบางส่วนใน ETF ตราสารหนี้สหรัฐฯ ดูเรชั่นพอร์ต 2-4 ปี
• K-SFPLUS กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น สำหรับพักเงินช่วงตลาดผันผวน
ส่วนที่ 2 : Satellite Portfolio สำหรับโอกาสสร้างผลตอบแทนระยะสั้น
• K-GSELECT กองทุนหุ้นโลก ที่ออกแบบพอร์ตมาให้รองรับทุกสภาวะตลาด ไม่ว่าจะอยู่ในวัฏจักรหุ้น Growth หรือ Value
• K-GPIN กองทุนหุ้นโลกที่เน้นหุ้นDefensive และใช้กลยุทธ์การขาย Call Option ช่วยสร้างกระแสเงินสดสม่ำเสมอ และลดความผันผวนของพอร์ตในภาวะตลาดขาลง
• K-INDIA กองทุนหุ้นอินเดีย เน้นหุ้นคุณภาพดี เติบโตสูง และไม่จำกัดโอกาสการลงทุนในหุ้นขนาดกลาง-เล็ก
• K-VIETNAM เน้นลงทุนตรงในหุ้นเวียดนาม กลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ กองทุนได้รับ Morningstar 4 ดาว (30 มิ.ย. 2025)