ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา หลายคนที่มีหุ้นเทคโนโลยีอยู่ในพอร์ต ไม่ว่าจะเป็นหุ้นรายตัว กองทุน ETF กองทุนรวม และกองทุนรูปแบบอื่น อาจรู้สึกผิดหวังเพราะเห็นมูลค่าของพอร์ตลดฮวบฮาบ หลายคนกำลังชั่งใจว่าจะทำยังไงดีกับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ดี... ถือต่อไป? ตัดใจขายแบบขาดทุน? หรือจะช้อนซื้อเพื่อถัวเฉลี่ยต้นทุนดี ลองมาฟังข้อมูลจากเราก่อนตัดสินใจ
หุ้นร่วงแรง ...ตลาดหุ้นแดงยกแผง
ปี 2022 เป็นปีที่ดัชนี S&P500 ร่วงหนักที่สุดในรอบ 83 ปี โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงกลางเดือนมิ.ย. ดัชนีทรุดลงไปกว่า 20% ถ้าเจาะที่อุตสาหกรรมเทคโนโลยี ที่หุ้นเคยพุ่งแรงก่อนหน้านี้ก็พบว่า สถานการณ์แย่กว่าตลาดรวม ส่วนดัชนี Nasdaq Composite ตั้งแต่ต้นปีจนถึงกลางเดือนมิ.ย. ร่วงไปกว่า 30%
ตั้งแต่ต้นปีจนถึงตอนนี้ หุ้นบริษัทเทคโนโลยีแถวหน้าของโลก หรือกลุ่ม FAANG ได้แก่ Meta หรือ Facebook Amazon Apple Netflix และ Alphabet บริษัทแม่ของ Google ร่วงลงไปแล้วเฉลี่ยประมาณ 37% ส่วนหุ้น Startups ดังๆ อย่าง แพลตฟอร์มการลงทุน Robinhood และผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้า Rivian รวมถึงเทคโนโลยีที่โตแรงช่วง Work From Home เช่น Zoom และ Peloton ก็ร่วงหนักในช่วงที่ผ่านมา
ทำไมหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ถึงร่วงหนัก?
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถูกเขย่าอย่างหนักในช่วงนี้เกิดจากหลายปัจจัยลบด้านเศรษฐกิจมหภาค ทั้งสงครามในยูเครน การล็อกดาวน์เมืองเพื่อสกัด Covid-19 ของจีน ปัญหาซัพพลายเชนที่ยังแก้ไม่ตก อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงทั่วโลก ที่ทำให้ธนาคารกลางของหลายประเทศกำลังทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่าอาจส่งผลให้จะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวหนัก จนอาจเข้าขั้นถดถอย
หุ้นเทคโนโลยีมีความอ่อนไหวเป็นพิเศษต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยเฉพาะเมื่อเงินเฟ้อสูง นักลงทุนก็เริ่มกลัวว่า Fed อาจตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้นและแรงขึ้น ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นแบบนี้ นักลงทุนก็สนใจผลตอบแทนสูงขึ้นจากการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรรัฐบาลระยะยาวมากขึ้นกว่าเดิม และเลือกขายหุ้นเติบโตและหุ้นเทคโนโลยี ที่มักถูกตีมูลค่าไว้สูงเพราะศักยภาพการเติบโตในอนาคต มากกว่าความสามารถทำกำไรในปัจจุบัน
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ในไตรมาส 2 ของปีนี้ บริษัทเทคโนโลยีระดับบิ๊ก 5 ของโลก คือ Apple Amazon Alphabet Meta และ Microsoft จะมีกำไรต่อหุ้นรวมกันต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วประมาณ 16.2% แต่คาดว่าปีหน้า กำไรต่อหุ้นจะกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง
จังหวะซื้อหุ้นเทคโนโลยีเอเชีย ช่วงกำลังฟื้นตัว
แม้หุ้นเทคโนโลยีจะร่วงแรง แต่ซีอีโอและนักลงทุนแถวหน้าก็ยังมีมุมมองเป็นบวก เพราะเชื่อว่า อุตสาหกรรมเทคโนโลยีมีโมเดลธุรกิจที่เป็นดิจิทัล สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ที่สำคัญบริษัทจำนวนมากยังคงแข็งแกร่ง มีอนาคตที่น่าสนใจ และหลายคนมองว่า นี่คือโอกาสของการช้อนซื้อหุ้นเทคโนโลยีพื้นฐานดีในราคาต่ำ โดยมูลค่าหุ้นเทคโนโลยีในเอเชียถูกกว่าหุ้นเทคสหรัฐฯ บริษัทมีอัตราการเติบโตที่โดดเด่นและมีขีดความสามารถในการแข่งขันสูง ในระยะยาวการเติบโตของกำไรและปัจจัยพื้นฐานจะกลับมาเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อราคาหุ้นให้กลับมาฟื้นตัวโดดเด่น
ทั้งนี้ พบว่า หลังจากรัฐบาลจีนผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และเดินหน้าแผนช่วยเหลือภาคธุรกิจ พร้อมส่งสัญญาณเริ่มสงบศึกกับธุรกิจเทคโนโลยีรายใหญ่ของประเทศ นักลงทุนก็กลับมาสะสมหุ้นกลุ่มนี้อีกครั้ง เพราะมีพื้นฐานธุรกิจดี และมีโอกาสเติบโตสดใสในระยะยาว
คำแนะนำการลงทุน
กองทุน K-ATECH :สนใจลงทุน >>Click
ลงทุนผ่านกองทุนหลักคือ กองทุน JPMorgan Pacific Technology เน้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีของเอเชียครอบคลุมหุ้นในหลายประเทศเช่น จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลีใต้ และอินเดีย เป็นหุ้นคุณภาพ เติบโตสูง โดยมี 3 ธีมลงทุนหลัก คือ
- ผู้นำอุตสาหกรรมการผลิต (Manufacturing Leaders)
- การบริโภคผ่านช่องทางดิจิทัล (Digitalized Consumption)
- การเปลี่ยนแปลงภาคองค์กร (Enterprise Transformation)
กองทุน K-CHINA :
สนใจลงทุน >>Click เหมาะสำหรับนักลงทุนที่อยากให้พอร์ตเติบโตไปพร้อมกับหุ้นจีนที่กำลังฟื้นตัว โดยลงทุนในหุ้นจีนที่จดทะเบียนในประเทศต่างๆ ทั่วโลก หุ้นคุณภาพดี เติบโตสูง เน้นหุ้นกลุ่มเศรษฐกิจใหม่ เช่น กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ กลุ่มอุปโภคบริโภค และสุขภาพ
บทความโดย ฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์การลงทุน บลจ.กสิกรไทย
ข้อมูล ณ วันที่ 28 มิ.ย. 2565
หมายเหตุ "ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน"
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง