7/4/2022

หุ้นเทคโนโลยี ควรลงทุนต่อ ...หรือพอแค่นี้?​

​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​

​ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา หลายคนที่มีหุ้นเทคโนโลยีอยู่ในพอร์ต ไม่ว่าจะเป็นหุ้นรายตัว กองทุน ETF กองทุนรวม และกองทุนรูปแบบอื่น อาจรู้สึกผิดหวังเพราะเห็นมูลค่าของพอร์ตลดฮวบฮาบ หลายคนกำลังชั่งใจว่าจะทำยังไงดีกับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี  ดี... ถือต่อไป? ตัดใจขายแบบขาดทุน? หรือจะช้อนซื้อเพื่อถัวเฉลี่ยต้นทุนดี ลองมาฟังข้อมูลจากเราก่อนตัดสินใจ

หุ้นร่วงแรง ...ตลาดหุ้นแดงยกแผง​
ปี 2022 เป็นปีที่ดัชนี S&P500 ร่วงหนักที่สุดในรอบ 83 ปี โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงกลางเดือนมิ.ย. ดัชนีทรุดลงไปกว่า 20% ถ้าเจาะที่อุตสาหกรรมเทคโนโลยี ที่หุ้นเคยพุ่งแรงก่อนหน้านี้ก็พบว่า สถานการณ์แย่กว่าตลาดรวม ส่วนดัชนี Nasdaq Composite ตั้งแต่ต้นปีจนถึงกลางเดือนมิ.ย. ร่วงไปกว่า 30%
​​​
 


ตั้งแต่ต้นปีจนถึงตอนนี้ หุ้นบริษัทเทคโนโลยีแถวหน้าของโลก หรือกลุ่ม FAANG ได้แก่ Meta หรือ Facebook Amazon Apple Netflix และ Alphabet บริษัทแม่ของ Google ร่วงลงไปแล้วเฉลี่ยประมาณ 37% ส่วนหุ้น Startups ดังๆ อย่าง แพลตฟอร์มการลงทุน Robinhood และผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้า Rivian รวมถึงเทคโนโลยีที่โตแรงช่วง Work From Home เช่น Zoom และ Peloton ก็ร่วงหนักในช่วงที่ผ่านมา​

ทำไมหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ถึงร่วงหนัก?
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถูกเขย่าอย่างหนักในช่วงนี้เกิดจากหลายปัจจัยลบด้านเศรษฐกิจมหภาค ทั้งสงครามในยูเครน การล็อกดาวน์เมืองเพื่อสกัด Covid-19 ของจีน ปัญหาซัพพลายเชนที่ยังแก้ไม่ตก อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงทั่วโลก ที่ทำให้ธนาคารกลางของหลายประเทศกำลังทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่าอาจส่งผลให้จะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวหนัก จนอาจเข้าขั้นถดถอย  

หุ้นเทคโนโลยีมีความอ่อนไหวเป็นพิเศษต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยเฉพาะเมื่อเงินเฟ้อสูง นักลงทุนก็เริ่มกลัวว่า Fed อาจตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้นและแรงขึ้น ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นแบบนี้ นักลงทุนก็สนใจผลตอบแทนสูงขึ้นจากการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรรัฐบาลระยะยาวมากขึ้นกว่าเดิม และเลือกขายหุ้นเติบโตและหุ้นเทคโนโลยี ที่มักถูกตีมูลค่าไว้สูงเพราะศักยภาพการเติบโตในอนาคต มากกว่าความสามารถทำกำไรในปัจจุบัน 

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ในไตรมาส 2 ของปีนี้ บริษัทเทคโนโลยีระดับบิ๊ก 5 ของโลก คือ Apple Amazon Alphabet Meta และ Microsoft จะมีกำไรต่อหุ้นรวมกันต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วประมาณ 16.2% แต่คาดว่าปีหน้า กำไรต่อหุ้นจะกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง​
 

จังหวะซื้อหุ้นเทคโนโลยีเอเชีย ช่วงกำลังฟื้นตัว​
แม้หุ้นเทคโนโลยีจะร่วงแรง แต่ซีอีโอและนักลงทุนแถวหน้าก็ยังมีมุมมองเป็นบวก เพราะเชื่อว่า อุตสาหกรรมเทคโนโลยีมีโมเดลธุรกิจที่เป็นดิจิทัล สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ที่สำคัญบริษัทจำนวนมากยังคงแข็งแกร่ง มีอนาคตที่น่าสนใจ และหลายคนมองว่า นี่คือโอกาสของการช้อนซื้อหุ้นเทคโนโลยีพื้นฐานดีในราคาต่ำ โดยมูลค่าหุ้นเทคโนโลยีในเอเชียถูกกว่าหุ้นเทคสหรัฐฯ บริษัทมีอัตราการเติบโตที่โดดเด่นและมีขีดความสามารถในการแข่งขันสูง ในระยะยาวการเติบโตของกำไรและปัจจัยพื้นฐานจะกลับมาเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อราคาหุ้นให้กลับมาฟื้นตัวโดดเด่น

ทั้งนี้ พบว่า หลังจากรัฐบาลจีนผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และเดินหน้าแผนช่วยเหลือภาคธุรกิจ พร้อมส่งสัญญาณเริ่มสงบศึกกับธุรกิจเทคโนโลยีรายใหญ่ของประเทศ นักลงทุนก็กลับมาสะสมหุ้นกลุ่มนี้อีกครั้ง เพราะมีพื้นฐานธุรกิจดี และมีโอกาสเติบโตสดใสในระยะยาว

คำแนะนำการลงทุน
กองทุน K-ATECH :สนใจลงทุน >>Click  
ลงทุนผ่านกองทุนหลักคือ กองทุน JPMorgan Pacific Technology เน้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีของเอเชียครอบคลุมหุ้นในหลายประเทศเช่น จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลีใต้ และอินเดีย เป็นหุ้นคุณภาพ เติบโตสูง  โดยมี 3 ธีมลงทุนหลัก คือ 
  • ผู้นำอุตสาหกรรมการผลิต (Manufacturing Leaders) 
  • การบริโภคผ่านช่องทางดิจิทัล (Digitalized Consumption) 
  • การเปลี่ยนแปลงภาคองค์กร (Enterprise Transformation) ​
กองทุน K-CHINA : สนใจลงทุน >>Click 
เหมาะสำหรับนักลงทุนที่อยากให้พอร์ตเติบโตไปพร้อมกับหุ้นจีนที่กำลังฟื้นตัว โดยลงทุนในหุ้นจีนที่จดทะเบียนในประเทศต่างๆ ทั่วโลก หุ้นคุณภาพดี เติบโตสูง เน้นหุ้นกลุ่มเศรษฐกิจใหม่ เช่น กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ กลุ่มอุปโภคบริโภค และสุขภาพ

บทความโดย ฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์การลงทุน บลจ.กสิกรไทย 
ข้อมูล ณ วันที่ 28 มิ.ย. 2565​

หมายเหตุ "ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน"


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง 
เอาไงต่อดีกับตลาดเอเชีย >>อ่านต่อ 
4 โอกาสการลงทุนในเอเชีย >>อ่านต่อ

Yes
7/4/2022