7/19/2022

ฝ่าวิกฤตอสังหาฯจีน และ GDP ไตรมาส 2 ลงทุนอย่างไร..ให้รอด?​

​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​

HIGHLIGHTS :
• GDP ไตรมาส 2 ของจีนยังขยายตัวได้ แม้จะต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์
• ดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจอื่นๆของจีน มีพัฒนาการที่ดี
• คาดเศรษฐกิจจีนผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และรัฐบาลจะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอีกมาก 
• ภาคอสังหาฯจีนยังไม่สดใส แต่เริ่มมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดีขึ้น 
• จีนใช้นโยบายแบบผ่อนคลายสวนทางกับประเทศอื่นๆ และ Valuation ของตลาดหุ้นจีนค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ
• KAsset ยังคงมีมุมมองในด้านบวกต่อการลงทุนในหุ้นจีนระยะยาว แนะนำให้หาจังหวะทยอยเข้าลงทุน
GDP ไตรมาส 2 ของจีนขยายตัวเพียง 0.4% (เทียบรายปี) ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ว่าจะขยายตัว 1.0% และชะลอตัวจากไตรมาสแรก ที่ปรับขึ้น 4.8% 

เนื่องจากเศรษฐกิจได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากการใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวด ในช่วงไตรมาส 2 ที่จีนเผชิญกับการแพร่ระบาดที่รุนแรง ส่งผลให้มีการล็อกดาวน์เมืองใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้และปักกิ่ง ซึ่งได้ฉุดการผลิตและการบริโภคในประเทศเป็นอย่างมาก 

ดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจอื่นๆของจีน เริ่มมีพัฒนาการที่ดี
ดัชนี PMI เดือนมิ.ย. ขยับขึ้นมาอยู่ในแดนขยายตัว (มากกว่า 50 จุด) ทั้งภาคการผลิตและบริการ โดยภาคการผลิตอยู่ที่ระดับ 50.2 จุด เพิ่มขึ้นจาก 49.6 จุด ในเดือนพ.ค. ขยับขึ้นมาสูงกว่าระดับ 50 จุด เป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนก.พ. เช่นเดียวกับภาคการบริการอยู่ที่ 54.7 จุด เพิ่มขึ้นจาก 47.8 จุด ในเดือนพ.ค. และนับเป็นระดับที่สูงสุดในรอบ 13 เดือน ตั้งแต่เดือนพ.ค. 2564 นอกจากนี้ สำนักบริหารพลังงานแห่งชาติจีนรายงานปริมาณการใช้ไฟฟ้าของจีน ซึ่งเป็นตัวชี้วัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สำคัญ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 2.9% รวมถึงการรายงานอัตราว่างงานในพื้นที่เขตเมืองของจีนเดือนมิ.ย.อยู่ที่ 5.5% ซึ่งลดลงจาก 5.9% ในเดือนพ.ค. 

คาดเศรษฐกิจจีนผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และรัฐบาลจะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอีกมาก 
ตัวเลข GDP ของจีนที่ออกมาต่ำกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ สะท้อนภาพของการชะลอตัวจากปัจจัยภายในประเทศที่ต้องมีการล็อกดาวน์และปัจจัยภายนอกอย่างสงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการบริโภคในประเทศที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมากในเดือนเม.ย. – พ.ค. อย่างไรก็ตาม ตัวเลขทางเศรษฐกิจหลายๆอย่างเริ่มมีการฟื้นตัวได้ดีขึ้นในเดือนมิ.ย. และคาดว่าเศรษฐกิจได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงไตรมาส 2 นี้

ทั้งนี้ มีโอกาสสูงที่การเติบโตทางเศรษฐกิจทั้งปีจะไม่เป็นไปตามเป้า ซึ่งทำให้ทางการจีนจะต้องมีการพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ทั้งนโยบายการเงินและการคลังที่ต้องเป็นไปในทิศทางผ่อนคลาย ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการลงทุนในจีน เพราะจะทำให้สภาพคล่องในระบบเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งการลดการออกกฎระเบียบข้อบังคับควบคุมกิจการในหลายธุรกิจลง จึงมองว่าจะเป็นผลดีต่อตลาดในช่วงครึ่งหลังของปี

ภาคอสังหาฯยังไม่สดใส แต่เริ่มมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดีขึ้น
ในส่วนของภาคอสังหาริมทรัพย์จีนนั้นยังคงอยู่ภายใต้แรงกดจากการที่หลายบริษัทยังมีหนี้สูง มีความเสี่ยงในช่วงที่ต้องมีการ rollover หนี้เก่า และยอดขายบ้านที่ซบเซาในช่วงกลางปีก็มีผลต่อการดำเนินโครงการใหม่ๆ ทั้งนี้ทางภาครัฐจีนมีความพยายามในการเพิ่มสภาพคล่องในระบบ การเริ่มกระตุ้นการซื้อบ้านในกลุ่มเพื่อการอยู่อาศัยมากขึ้น การดูแลเรื่องสภาพคล่องในระบบ 

ล่าสุด คณะกรรมการกำกับดูแลการธนาคารและประกันภัยของจีน (CBIRC) ได้เรียกร้องให้ธนาคารพาณิชย์ขยายวงเงินกู้ให้กับโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการเงินสดของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และเพื่อเป็นการบรรเทาความกังวล หลังจากเกิดกรณีผู้ซื้อบ้านไม่ยอมจ่ายค่าจำนองสำหรับโครงการอสังหาริมทรัพย์ ที่ยังสร้างไม่แล้วเสร็จ อย่างไรก็ตามปัญหาในภาคอสังหาฯนี้ยังต้องใช้เวลาในการแก้ไข ซึ่งในครึ่งหลังของปีนี้น่าจะเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น

มุมมองการลงทุน
KAsset ยังคงมีมุมมองในด้านบวกต่อการลงทุนในหุ้นจีนระยะยาว โดยแรงหนุนจาก “นโยบายการเงินและการคลังที่สวนทางกับประเทศพัฒนาแล้ว” จีนมีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ธนาคารกลางจีนสามารถใช้นโยบายกระตุ้นทางการเงิน ผ่านการลดอัตราดอกเบี้ยและการตั้งสำรองของธนาคารพาณิชย์ และคาดว่าจะมีนโยบายสนับสนุนการบริโภคในประเทศและภาคส่วนอื่นๆตามมาอีกมากในภายหลัง 

นอกจากนั้น “Valuation ของตลาดหุ้นจีนค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ”  ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้วหรือตลาดหุ้นประเทศกำลังพัฒนา เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะสนับสนุนการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นจีนในระยะยาว 

กองทุนแนะนำ
K-CHX: เน้นหุ้นด้านการบริโภคและสถาบันการเงิน ลงทุนเฉพาะหุ้น A-Shares เท่านั้น โดยอุปสงค์ภายในประเทศจะมีบทบาทสำคัญต่อการเติบโตของประเทศในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะหนุนหุ้นกลุ่ม Old Economy อย่างกลุ่มอุปโภคและการเงิน ให้กลับมาฟื้นตัวได้ก่อนกลุ่ม New Economy อย่างกลุ่มเทคฯ
K-CHINA: สำหรับนักลงทุนที่ชอบหุ้นจีนที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี พลังงานทดแทน และการบริโภค ลงทุนในหุ้น All China ที่มีคุณภาพดี เติบโตสูง เน้นหุ้นกลุ่มเศรษฐกิจใหม่ (New Economy) ซึ่งจะได้ประโยชน์จากแผนพัฒนาเศรษฐกิจจากรัฐบาล
 


บทความโดย ฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์การลงทุน บลจ.กสิกรไทย 
ข้อมูล ณ วันที่ 19 ก.ค. 2565​

หมายเหตุ "ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน"


​เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง 

CHINA COMEBACK EP.1 >> อ่านต่อ      

4 โอกาสการลงทุนในเอเชีย >> อ่านต่อ

เกิดอะไรขึ้นกับภาคอสังหา ฯ >> อ่านต่อ




Yes
7/19/2022