7/6/2022

เกิดอะไรขึ้นกับภาคอสังหาริมทรัพย์จีน ส่งผลกระทบต่อการลงทุนอย่างไร?

​​​​​​​​​​​​​​​​

HIGHLIGHTS :
• Shimao Group ผิดนัดชำระหนี้ในต่างประเทศครั้งแรก 
• เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในตลาดตราสารหนี้จีนอีกครั้ง
• ด้านตลาดหุ้นจีนทั้ง A-share และ H-share ไม่ได้ตอบรับกับข่าวนี้มากมายนัก
• กองทุนของ KAsset ไม่มีการลงทุนใน Shimao Group จึงไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่พอร์ตการลงทุนอาจได้รับผลกระทบจากความผันผวนของตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้จีนที่เพิ่มสูงขึ้น

เกิดอะไรขึ้นกับ Shimao Group และกระทบกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในจีน อย่างไร

Shimao Group เป็นหนึ่งในบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของจีน ผิดนัดชำระหนี้ต่างประเทศมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งครบกำหนดในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (3 ก.ค. 65) 

ทั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกที่บริษัทผิดนัดชำระหนี้ในต่างประเทศ โดยให้เหตุผลว่า เกิดจาก 'ความไม่แน่นอนของตลาดเกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์หนี้' และ 'การดำเนินงานที่ท้าทายและเงื่อนไขการระดมทุน' จากรายงานล่าสุดเปิดเผยว่า เจ้าหนี้สองแห่งได้ตกลงที่จะให้ Shimao มีระยะเวลาผ่อนผันต่อไปอีกระยะหนึ่ง 

เหตุการณ์นี้นับเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่สะท้อนปัญหาหนี้ในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน หลังจากที่ปีที่แล้วเกิดขึ้นกับ China Evergrande

ผลกระทบต่อตลาดการเงินจีน

การผิดนัดชำระหนี้ในครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในตลาดตราสารหนี้จีนอีกครั้ง ทำให้ราคาตราสารหนี้จีนในกลุ่มดังกล่าว มีปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา 

ทั้งนี้ ด้านตลาดหุ้นจีนไม่ได้ตอบรับกับข่าวนี้ โดยทั้ง A-share และ H-share เคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยเมื่อวานนี้ (4 ก.ค.) +0.5% และ -0.6% ตามลำดับ 


KAsset มีการลงทุนใน Shimao Group หรือไม่?

  • ไม่มีการลงทุนตรงใน Shimao Group
  • ไม่มีการลงทุนในกองทุนกลุ่ม Term Fund Plus
  • สำหรับตราสารหนี้ต่างประเทศ (FIF) ที่ทาง KAsset ได้สอบถามเบื้องต้น เช่น K-APB และ K-GDBOND ไม่มีการลงทุนเช่นกัน​ 

มุมมองต่อการการลงทุนในประเทศจีน

ตลาดตราสารหนี้ :

Shimao Group อยู่ในรายชื่อที่นักวิเคราะห์ของ KAsset มีความกังวล จึงไม่ได้มีการลงทุนตรง อย่างไรก็ดี เหตุการณ์นี้อาจส่งผลกดดันในเชิง sentiment ต่อราคาหุ้นกู้บริษัทอื่นๆได้ 

ตลาดตราสารทุน หรือตลาดหุ้น :

ยังคงคำแนะนำที่ระดับ Slightly Positive โดยยังแนะนำให้ทยอยเข้าลงทุน เนื่องจากตลาดหุ้นจีน มีความน่าสนใจกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคอื่น ทั้งในแง่ของมาตรการการเงินและการคลัง คาดว่ารัฐบาลจีนจะออกมาตรการมาอีกมากเพื่อให้บรรลุเป้าการเติบโตของ GDP 5.5% ในปีนี้ อีกทั้งแรงกดดันด้านนโยบายลดลง รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และราคาหุ้นถูก​


บทความโดย ฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์การลงทุน บลจ.กสิกรไทย 
ข้อมูล ณ วันที่ 5 ก.ค. 2565​

หมายเหตุ "ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน"

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง 
ลงทุนอย่างไร…ให้รอด >>อ่านต่อ 
4 โอกาสการลงทุนในเอเชีย >>อ่านต่อ

Yes
7/6/2022
0