9/20/2022

CHINA FUNDS CHECK UP เจาะลึกกองทุนหุ้นจีน ผ่านมา 1 ปี ยังดีอยู่ไหม?​

​​​​

HIGHLIGHTS :
• ปัจจัยต่างๆทั้งการคุมเข้มโควิดและภาคอสังหาฯ จะทำให้เศรษฐกิจชะลอลงบ้าง แต่เชื่อว่าหุ้นที่กองทุนไปลงทุนยังมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี มีโอกาสเติบโตได้อยู่
• รัฐบาลสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจโดยการส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต อาทิ อุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ต อุตสาหกรรมพลังงานทดแทน และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 
• จีนมีตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ๆ ตลอดเวลา ดังนั้นนักลงทุนจะมีหุ้นใหม่ให้เลือกเรื่อยๆ 
• ตลาดหุ้นจีนมีทั้งความเสี่ยงและโอกาส ให้มองระยะยาว โฟกัสที่การจัดพอร์ตและกระจายการลงทุน​

 

ช่วง 1 ปีที่ผ่านมา สถานการณ์การลงทุนในตลาดหุ้นจีนเป็นอย่างไรบ้าง ข่าวลบที่เข้ามาเขย่าตลาดอยู่เป็นระยะน่ากังวลมากน้อยแค่ไหน เรายังควรสนใจลงทุนในตลาดหุ้นจีนอยู่หรือไม่ มาส่องภาพรวมและแนวโน้มเศรษฐกิจจีนและตลาดหุ้นกับผู้เชี่ยวชาญ 
 • MR.HOWARD WANG 
Head of Greater China Equities, Emerging Markets and Asia Pacific Equities Team, J.P. Morgan Asset Management 
 • คุณพีรกานต์ ศรีสุข, CFA 
Senior Fund Manager Alternative Fund Management Department KAsset
 
​​
ภาพรวมเศรษฐกิจจีน
• เศรษฐกิจจีนปี 2022 แม้อาจจะเติบโตไม่ถึงเป้าหมาย 5.5%  ทั้งนี้ จีนกำลังเปลี่ยนเป็นการเติบโตอย่างมีคุณภาพ ไม่เน้นโตเยอะแต่เน้นการเติบโตแบบมี​เสถียรภาพ 
• ปัจจัยที่กดดันการเติบโตหลักๆคือ การที่รัฐบาลยังคุมเข้มโควิด (Dynamic Zero Covid Policy) รวมถึงปัญหาการอ่อนแอในภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่มีสัดส่วนถึงประมาณ 30% ของเศรษฐกิจจีน 
• แม้ปัจจุบันเศรษฐกิจจีนจะเติบโตจากภาคบริการมากขึ้น แต่การคุมเข้มโควิดทำให้ภาคบริการถูกกดดัน จีนจึงพยายามส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมการผลิตใหม่ๆ เช่น กลุ่มเทคโนโลยี ที่จีนมองว่าจำเป็นในอีก 5-10 ปีข้างหน้า ซึ่งยังเห็นการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมเหล่านี้ได้ดีอยู่ 
• การลงทุนภาครัฐเริ่มปรับขึ้นมาชดเชยการลงทุนภาคเอกชนที่ชะลอตัวลง และคาดว่าหลังการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์จีนช่วงกลางเดือนต.ค. จะเห็นแนวโน้มการลงทุนภาครัฐที่ดีขึ้นอีก
• หลังการประชุมพรรคฯ มีโอกาสจะเห็นมาตรการผ่อนคลายโควิดมากขึ้น เอื้ออำนวยภาคธุรกิจมากขึ้น กระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของคนมากขึ้น รวมถึงนโยบายชัดเจนว่าจะสนับสนุนอุตสาหกรรมใดเพิ่มเติม นอกจากเช่น เซมิคอนดักเตอร์ รถยนต์ไฟฟ้า ที่สนับสนุนอยู่ ​
• ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ จะไม่หวานชื่น แต่จะต้องพึ่งพากันต่อไป และหากเศรษฐกิจถดถอยอาจทำให้ทั้งสองประเทศหันมาเจรจากันมากขึ้น
• โดยรวม แม้ปัจจัยต่างๆทั้งการคุมเข้มโควิดและภาคอสังหาฯ จะทำให้เศรษฐกิจชะลอลงบ้าง แต่เชื่อว่าหุ้นที่กองทุนไปลงทุนยังมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี มีโอกาสเติบโตได้อยู่ 


มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน
• ส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต อาทิ อุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ต อุตสาหกรรมพลังงานทดแทน (เช่น รถยนต์ไฟฟ้า) และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะพวก Smart Infrastructure​
• หากเทียบกับประเทศฝั่งตะวันตกซึ่งดำเนินนโยบายเศรษฐกิจแบบตึงตัว จีนผ่อนคลายเต็มที่และยังมีเครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจอีกมาก ทั้งนโยบายการเงินและการคลัง 
• การออกกฎของรัฐบาลจีนคุมเข้มภาคเทคโนโลยีช่วงที่ผ่านมาไม่ได้มากเกินไป แต่เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มธุรกิจอินเทอร์เน็ต โดยตอนนี้จะเห็นว่า ผลประกอบการบริษัทที่ถูกคุมเข้มเริ่มฟื้นกลับมาและดีกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19  ​


เสน่ห์ของการลงทุนในจีนเมื่อเทียบกับตลาดอื่น
• จีนมีตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ๆ ตลอดเวลา เช่นในอดีตพึ่งพาภาคอสังหาฯ ปัจจุบันเปลี่ยนมาโฟกัสที่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ ดังนั้นนักลงทุนจะมีหุ้นใหม่ให้เลือกเรื่อยๆ  
• นโยบายทางเศรษฐกิจของจีนผ่อนคลายสวนทางกับประเทศอื่นๆ อีกทั้งจีนยังไม่มีปัญหาเงินเฟ้อ ทำให้การดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจจะมีประสิทธิภาพ 
• หากเทียบกับประเทศอื่นๆ หุ้นจีนมีราคาค่อนข้างถูก (P/E) อยู่ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10-15 ปี ขณะที่บริษัทจีนมีความสามารถทำกำไรสูงกว่า (EPS) นอกจากนี้ การที่วัฏจักรเศรษฐกิจจีนอยู่ในช่วงรัฐบาลใช้นโยบายผ่อนคลาย จะสนับสนุนการเติบโตของหุ้น


ธีมลงทุนเด่นในตลาดหุ้นจีน
• 3 ธีมลงทุนที่จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจจีนให้ก้าวไปอีกระดับและเป็นโอกาสของนักลงทุน คือ เทคโนโลยี ธุรกิจสนับสนุนการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ กลุ่มการบริโภคและสุขภาพ 
• กองทุนฯ เน้นลงทุนในหุ้น All China ที่เติบโตสูง และอยู่ในกลุ่มเศรษฐกิจใหม่ (New Economy) 


คำแนะนำการลงทุน
• ตลาดหุ้นจีนมีทั้งความเสี่ยงและโอกาส ให้มองระยะยาวว่า เราลงทุนในประเทศที่มีเรื่องราวของการลงทุนที่หลากหลาย มีการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวตลอดเวลา  
• หลีกเลี่ยงที่จะจับจังหวะการลงทุน แต่โฟกัสที่การจัดพอร์ตและกระจายการลงทุน
• นักลงทุนต้องรู้จักความเสี่ยงของตัวเอง ถ้าต้องการผลตอบแทนสูงๆ ก็ต้องลงทุนในหุ้นเป็นหลัก แต่ถ้ากลัวความเสี่ยง ก็ต้องลงทุนในตราสารหนี้เป็นหลัก
• กรณีลงทุนหุ้นเป็นหลัก ควรกระจายความเสี่ยงการลงทุนในหุ้นด้วย เช่น ลงทุนในหุ้นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ไม่เกิน 25% ลงทุนในประเทศเศรษฐกิจขนาดเล็ก ไม่เกิน 10% ของพอร์ต แล้วมีสินทรัพย์ทางเลือกไว้บ้าง สมมติถ้าชอบหุ้นจีน ก็อาจจะให้น้ำหนักได้สูงถึงประมาณ 25% แต่ไม่ใช่เป็นสัดส่วนทั้งหมดของพอร์ต


บทความโดย ฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์การลงทุน บลจ.กสิกรไทย 
ข้อมูล ณ วันที่ 20 ก.ย. 2565​

หมายเหตุ "ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน



เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง 
กนง. มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ย >> อ่านต่อ
ภาวะ Technical Recession >> อ่านต่อ
ECB ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูง >> อ่านต่อ​

Yes
9/20/2022