การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิโลกที่เพิ่มสูงขึ้น เป็นประเด็นที่ทั่วโลกให้ความสำคัญและร่วมกันหาทางแก้ไข รวมถึงประเทศไทยที่ทั้งภาครัฐและเอกชนมุ่งสร้างความร่วมมือในการตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ (Target Net Zero) เพื่อสร้างความสมดุลให้เศรษฐกิจสามารถเติบโตควบคู่ไปกับสังคมและสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน
ซึ่งหนึ่งในการระดมทุนที่ได้รับความสนใจ ก็คือ การออกตราสารหนี้ด้านความยั่งยืน หรือ ESG Bond ซึ่งในประเทศไทยเองก็ได้มีการออกตราสารทั้งจากภาครัฐและเอกชน
ESG Bond
คืออะไร?
ESG Bond หรือ ตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน คือ ตราสารหนี้ที่ผู้ออกตราสาร มีวัตถุประสงค์ในการกระดมทุนเพื่อนำเงินไปใช้ดำเนินธุรกิจ ภายใต้แนวคิดการเติบโตอย่างยั่งยืน ที่มุ่งพัฒนาทางด้าน สังคม สิ่งแวดล้อม และการมีธรรมาภิบาลที่ดี (Environmental, Social and Governance หรือหลัก ESG) ได้แก่
1.Green Bond หรือ ตราสารหนี้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
คือ ตราสารหนี้ที่มุ่งเน้นระดมทุนเพื่อนำไปอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เช่น การสนับสนุนโครงการพลังงานหมุนเวียน การอนุรักษ์พลังงาน การจัดการมลพิษ ฯลฯ
2.Social Bond หรือ ตราสารหนี้เพื่อพัฒนาสังคม
คือ ตราสารหนี้ที่มุ่งเน้นระดมทุนไปใช้ในโครงการพัฒนาสังคม เช่น โครงการเพื่อลดปัญหาการว่างงาน ส่งเสริมความเท่าเทียมในสังคม ความมั่นคงและยั่งยืนด้านอาหาร การเข้าถึงสาธารณูปโภค สาธารณสุข ที่อยู่อาศัย การศึกษา เป็นต้น
3.Sustainability Bond หรือ ตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน
คือ ส่วนผสมระหว่าง Green Bond และ Social Bond ซึ่งมุ่งหวังทั้งการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและพัฒนาสังคมควบคู่กันไป เช่น การสนับสนุนโครงการพัฒนาชุมชน การศึกษา สาธารณสุข ฯลฯ
4.Sustainability-Linked Bond หรือ ตราสารหนี้ส่งเสริมความยั่งยืน
คือ ตราสารหนี้ที่มุ่งเน้นระดมทุนเพื่อนำไปใช้กับโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมและสังคมเช่นเดียวกับ Sustainability Bond แต่มีเงื่อนไขด้านผลตอบแทน (ดอกเบี้ย) ของตราสารประเภทนี้ โดยจะขึ้นอยู่กับเป้าหมายของผู้ออกในอนาคตที่จะก่อให้เกิดผลกระทบด้านดีต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม เช่น มุ่งผลิตพลังงานทดแทน, ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก, เพิ่มคุณภาพชีวิตของประชากรในประเทศด้อยพัฒนา เป็นต้น
ทำไมต้องลงทุนใน
ESG Bond?
ESG Bond
มีข้อดีต่อทั้งผู้ออกตราสารและผู้ลงทุน โดยข้อดีหลักของ
ESG Bond
ในมุมของผู้ออกตราสาร คือ จะช่วยยกระดับภาพลักษณ์ขององค์กรและสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน เพราะเป็นการสื่อสารที่เด่นชัดว่าองค์กรให้ความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และความยั่งยืนอย่างจริงจัง อีกทั้งยังช่วยดึงดูดและกระจายฐานนักลงทุนสู่กลุ่มใหม่ ๆ และอาจส่งผลดีต่อองค์กรในระยะยาว อีกทั้งยังเป็นการบริหารจัดการความเสี่ยงด้าน ESG เพื่อเตรียมความพร้อมในการป้องกันและปรับตัวรับความเสี่ยงต่างๆ อีกด้วย
นักลงทุนได้อะไร? จากการลงทุนในตราสารด้าน
ESG
ขณะที่ในมุมของนักลงทุนทั่วไปที่สนับสนุนการลงทุนในด้าน
ESG
ก็จะได้ประโยชน์จากการลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพเติบโตอย่างยั่งยืน จากข้อมูลของ
MSCI
พบว่าบริษัทที่มีการดำเนินงานด้าน ESG
ได้ดี หรือมีคะแนน
MSCI ESG Score
สูง จะมีความสามารถในการทำกำไรได้ดีกว่าบริษัทที่มี MSCI ESG Score
ต่ำ หรือทำ
ESG
ได้ไม่ดี (ภาพที่
1) นอกจากนี้ บริษัทที่ทำธุรกิจโดยคำนึงถึงทั้ง E, S, G
แบบครอบคลุมทั้ง
3
มิติ จะมีผลตอบแทนที่สูงกว่า เมื่อเทียบกับบริษัทที่คำนึงถึงเรื่อง
E
หรือ
S
หรือ
G
เพียงเรื่องใดเรื่องหนึ่งเท่านั้น
ที่มา
: https://setsustainability.com/libraries/1209/item/esg-investment-trend
ข้อดี ของการลงทุนใน
ESG Bond
1.เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงทางธุรกิจ ของผู้ออกตราสาร
เนื่องจาก ESG Bond มีวัตถุประสงค์ของการระดมทุนภายใต้แนวคิดการเติบโตอย่างยั่งยืน ส่งผลให้มีแนวโน้มที่บริษัทผู้ออกตราสารจะสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน เนื่องจากผู้ออกตราสารมีความใส่ใจในการบริหารหรือลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล
2.เพื่อสร้างผลกระทบในเชิงบวก
การลงทุนใน ESG Bond ช่วยให้ผู้ลงทุนได้มีส่วนร่วมสนับสนุนในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล
3.เพื่อโอกาสในการเติบโตอย่างยั่งยืน
ตลาด ESG Bond กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วซึ่งเป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้นสำหรับการลงทุนอย่างยั่งยืน
4.เพื่อกระจายความเสี่ยงให้พอร์ตการลงทุน
ESG Bond เป็นหนึ่งในทางเลือกของการลงทุนและช่วยกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน
ทุกวันนี้ นักลงทุนเริ่มให้ความสนใจกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล หรือที่เรียกรวม ๆ ว่า “ESG" เพราะ ESG กลายเป็นกติกาใหม่ในการทำธุรกิจ หลายประเทศเริ่มกำหนดให้ESG เป็นมาตรฐานและข้อบังคับในการดำเนินงาน ธุรกิจทั่วโลกจึงต้องให้ความสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องสิ่งแวดล้อมที่กำลังส่งผลกระทบรุนแรงเข้าขั้นวิกฤติ หรือแม้กระทั่งเรื่องสิทธิมนุษยชนที่กลายเป็นข้อกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศ นอกเหนือจากเรื่องจริยธรรมและความโปร่งใสในการทำธุรกิจที่เป็นมาตรฐานระดับพื้นฐานที่ยึดถือปฏิบัติกันมานานแล้ว
“นักลงทุนที่รู้จักและเข้าใจ
ESG
ก่อน ย่อมมีความได้เปรียบในการเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ที่กำลังจะมาถึง"
ทั้งนี้ นักลงทุนสถาบันรายใหญ่ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นกองทุนบำเหน็จบำนาญ บริษัทประกันภัย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนต่างๆ ได้นำ ESG มาเป็นส่วนหนึ่งในการวิเคราะห์และวางแผนการลงทุน ไปจนถึงการบริหารสินทรัพย์ส่วนบุคคล
อีกทั้ง ยังได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของธุรกิจด้วยการใช้สิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น ทำให้เรื่อง ESG เริ่มกลายเป็นวาระสำคัญที่บริษัทต้องตอบคำถามผู้ถือหุ้นและนักลงทุน เช่น การวางกลยุทธ์และแนวทางการบริหารความเสี่ยง ESG เพื่อให้สามารถบริหารจัดการผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและสร้างโอกาสในการเติบโตและแข่งขันได้ในระยะยาว
ESG คือ เมกะเทรนด์ ที่ต้องรีบลงทุน
การลงทุนที่คำนึงถึง ESG จึงเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงและได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเหตุผลส่วนหนึ่งมาจากนักลงทุนรุ่นใหม่ที่สนใจ ESG และเห็นว่า ESG สามารถช่วยบริหารความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน และอาจสร้างโอกาสในการได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนได้ในระยะยาว
ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์และหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทย ได้กำหนดให้ธุรกิจหรือบริษัทจดทะเบียนต้องเปิดเผยข้อมูลผลการดำเนินงานด้าน ESG อย่างโปร่งใส เพื่อให้นักลงทุนมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุน
การออก
ESG Bond
ในประเทศไทย
โดยการออก ESG Bond ครั้งแรกในประเทศไทยเกิดขึ้นเมื่อปี 2562 มูลค่าการออก ESG Bond ได้เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี จากยอดการออกที่ 23,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมาที่ 214,029 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2565 ขยายตัวประมาณ 9 เท่าในช่วง 4 ปี

ที่มา : ThaiBMA สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยปี 2023 วันที่ 10 มกราคม 2024
“โดยล่าสุด มูลค่าการออก
ESG Bond
ในปี
2566
อยู่ที่
179,866
ล้านบาท จำนวนผู้ออกก็เพิ่มจำนวนขึ้นทั้งจากภาครัฐและเอกชน"
แสดงถึงการให้ความสำคัญและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และความยั่งยืนจากทั้งสองภาคส่วน และมีการนำเงินไปใช้ในโครงการต่างๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเกิดประโยชน์กับสังคมภายใต้ขอบเขตการดำเนินธุรกิจของแต่ละบริษัทอย่างหลากหลาย
คำแนะนำการลงทุน
บลจ.กสิกรไทย ได้ดำเนินธุรกิจโดยการนำแนวคิดเรื่องการลงทุนอย่างยั่งยืน มาปรับใช้ในกระบวนการจัดการลงทุน โดยพิจารณา ทั้งด้านมิติ สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ไปพร้อมกันกับการวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินของธุรกิจ เพื่อผลตอบแทนที่ดี และยั่งยืนในระยะยาว
สำหรับนักลงทุน ที่สนใจลงทุนในด้าน ESG บลจ.กสิกรไทยขอแนะนำ กองทุน Thailand ESG Fund (ThaiESG) หรือ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน ทางเลือกของการลงทุนสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนระยะยาวในกิจการที่เน้นความยั่งยืนและได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ดังนี้
K-TNZ-ThaiESG
- กองทุนแรกของไทย ลงทุนหุ้นไทยยั่งยืน SET100
- เน้นบริษัทที่มีเป้าหมาย ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ (Target Net Zero)
K-ESGSI-ThaiESG
- เน้นลงทุนตราสารหนี้ภาครัฐเพื่อความยั่งยืน
- กองทุนมีความเสี่ยงต่ำ เหมาะสำหรับเซฟเงินยาวๆ
ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน โดยศึกษานโยบายกองทุนและความเสี่ยงได้ที่ www.kasikornasset.com
บทความโดย
ที่มา: ฝ่ายจัดการกองทุนตราสารหนี้ บลจ.กสิกรไทย
ข้อมูล ณ วันที่ 19 มิ.ย. 2567
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
ลงทุนด้าน Climate Change เติบโตระยะยาว >>Click
เป้าหมาย Net Zero ไทย ไม่ไกลเกินเอื้อม >>Click
เทคนิคจัดพอร์ตลงทุน ให้โตไว >>Click
จัดพอร์ต Core-Satellite ไม่ใช่เรื่องยาก >>Click