5/10/2024

ตอบคำถามคาใจ จัดพอร์ต Core-Satellite ไม่ใช่เรื่องยาก

คำถาม 1 : ทำไม Core-Satellite Portfolio ถึงเหมาะกับนักลงทุนไทยเป็นพิเศษ

คุณรู้หรือไม่? จริงๆ แล้ว การจัดพอร์ตแบบ Core-Satellite เป็นพอร์ตโมเดลที่นักลงทุนทั่วโลกนำไปใช้อย่างค่อนข้างแพร่หลาย ข้อดีของพอร์ตแบบนี้ คือ

1. มีความยืดหยุ่นสำหรับคนไทยที่ต้องการ trading เพื่อหากำไรเพิ่มเติม

ยกตัวอย่างเช่น สำหรับนักลงทุนไทยที่ชอบลงทุนในบริษัทไทย ก็สามารถลงทุนหุ้นรายตัวเพิ่มเติมได้ แต่ในสัดส่วนที่ไม่สูงมากนัก

2. Core-Satellite จะเป็นการเพิ่มวินัยให้กับนักลงทุน

เนื่องจากในส่วน Core Portfolio จะเป็นการลงทุนระยะยาว ไม่ปรับเปลี่ยนบ่อย ทำให้เราสามารถเพิ่มระยะเวลาการลงทุนได้นานขึ้น ลดโอกาสในการขาดทุนได้มากขึ้น

 core-satellite-port1.png

ภาพนี้แสดงให้เห็นว่า หากท่านลงทุน 100% ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ (ดัชนี S&P 500) ท่านมีโอกาสขาดทุนในปีแรกสูงถึง 37% แต่หากท่านเพิ่มระยะเวลาการลงทุนเป็น 5 ปี จะทำให้สามารถลดการขาดทุนได้เหลือเพียง 2% และหากจัดพอร์ตแบบง่ายๆ เช่น กระจายความเสี่ยงระหว่างหุ้นกับพันธบัตร และถือเป็นระยะเวลา 5 ปี จะไม่มีความเสี่ยงในการขาดทุนเลย

 

คำถาม 2 : ทำไมสัดส่วนของ Core-Satellite Portfolio จะต้องเป็น 80% / 20% “เราสามารถปรับสัดส่วน ได้หรือไม่ ?"

สัดส่วน 80/20 เป็นสัดส่วนที่ออกแบบมาสำหรับ Core Portfolio 80% และ Satellite Portfolio 20% เนื่องด้วยเหตุผลว่า…

หากน้ำหนักพอร์ตในส่วน Satellite เยอะมากไปกว่านี้ จะทำให้ผลตอบแทนของส่วน Satellite เข้ามามีผลกระทบต่อผลตอบแทนระยะยาวของ Core Portfolio

เช่น หากส่วนของ Core Port ทำผลตอบแทนเป็นบวกได้ 8% ขณะที่ส่วนของ Satellite ขาดทุน 10% ถ้า Satellite มีสัดส่วนเพียง 20% จะส่งผลกระทบโดยรวมต่อพอร์ตเพียง 2% เท่านั้น

แต่หากสัดส่วนของ Satellite เพิ่มเป็น 40% จะทำให้ผลขาดทุนต่อพอร์ตเพิ่มขึ้นเป็น 4% ซึ่งจะเริ่มมีนัยยะต่อผลตอบแทนของพอร์ตโดยรวม


คำถาม 3 : การมี Satellite ช่วยเพิ่มผลตอบแทนต่อพอร์ตได้อย่างไร สำหรับคนที่ไม่มีเวลา สามารถเลือกที่จะไม่ลงทุนใน Satellite ได้หรือไม่ ?

หากดูจากพอร์ตจำลองด้านล่าง จะเห็นว่า การมี Satellite จะช่วยเพิ่ม Sharpe Ratio (ผลตอบแทนเมื่อเทียบกับความเสี่ยง) ต่อพอร์ตโฟลิโอได้ (จุดสีเขียวจะสูงกว่าจุดเทาในทุกความเสี่ยง) นั่นก็แปลว่า การที่เราเลือกลงทุนใน Satellite อย่างเหมาะสม จะช่วยทั้งเพิ่มผลตอบแทน และลดความเสี่ยงให้กับพอร์ตของเราได้

“ทั้งนี้ นั่นเป็นเพราะทาง KAsset แนะนำว่าในส่วนของ Satellite ควรจะมีกองทุนที่มีความสัมพันธ์กับ Core Portfolio น้อยกว่า 0.6 อยู่ด้วย จะทำให้ความเสี่ยงของพอร์ตลดลง และยังช่วยเพิ่มผลตอบแทนระยะสั้นได้"

 

ตัวอย่างพอร์ตจำลอง

core-satellite-port2.png

“สุดท้ายแล้ว ท่านสามารถเลือกที่จะจัดพอร์ตในรูปแบบที่เข้ากับสไตล์การลงทุนของท่าน"

แต่สิ่งที่สำคัญคือ การยึดมั่นในหลักการจัดพอร์ตอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงทุนระยะยาว และหลังจากที่ท่านเลือกเครื่องมือในการลงทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนให้ท่านได้ดีแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนพอร์ตบ่อย จะทำให้ท่านสามารถประสบความสำเร็จในการลงทุน

core-satellite-port3.jpg 


ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน โดยศึกษานโยบายกองทุนและความเสี่ยงได้ที่ www.kasikornasset.com 

 

บทความโดย KAsset Investment Strategy บลจ.กสิกรไทย

ข้อมูล ณ วันที่ 2 พฤษภาคม 2567

 

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง 

จัดพอร์ตลงทุนด้วยกลยุทธ์ Core-Satellite Portfolio >>Click

พอร์ตกองทุนประหยัดภาษี เงินเกษียณก้อนใหญ่ที่ไม่ควรมองข้าม >>Click

จัดพอร์ตแบบ De-Risking เทคนิคเกษียณง่าย >>Click
เลือกกองทุน Core Portfolio อย่างไร?  >>Click


Yes
5/10/2024
none