หุ้นเทคฯ สหรัฐฯ ร่วง เป็นโอกาสทยอยสะสม จริงหรือ?
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลงนำตลาดอื่นๆ ในวันที่ 24 ก.ค. 2567 โดยดัชนี Nasdaq และ S&P 500 ปรับตัวลง -3.64% และ -2.31% ตามลำดับ
ปัจจัยที่กดดันหุ้นเทคฯ สหรัฐฯ
ปัจจัยที่กดดันมาจากหุ้น Tesla ที่ปรับตัวลง 12% จากการเลื่อนการเปิดตัว Robotaxi (Taxi ที่ไร้คนขับ) จาก ส.ค.ไปเป็น ต.ค. และกำไรไตรมาส 2 ที่ประกาศออกมาน้อยกว่าคาด
รวมถึงหุ้น Alphabet ที่ปรับตัวลง 5% อย่างไรก็ตาม Alphabet รายได้และกำไรดีกว่าคาด และยังถือว่ารายได้แข็งแกร่งในไตรมาส 2 แต่กำไรในไตรมาส 3 จะเริ่มถูกกดดันจากค่าใช้จ่ายที่มาจากการลงทุนใน AI (ซึ่งจะบันทึกเป็น Depreciation Expense หรือค่าใช้จ่าย) และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ทำให้หุ้น Alphabet ถูกเทขาย
ไม่คาดหวัง = ไม่ผิดหวัง
ที่ผ่านมา ความคาดหวังในด้านกำไรและราคาได้ price in เข้าไปในหุ้นที่เกี่ยวกับเซมิคอนดักเตอร์ และ AI ค่อนข้างมาก ซึ่งนักลงทุนก็จับตาว่าบริษัทที่มีการลงทุนในด้าน AI ไปแล้ว จะเริ่มมีรายได้เข้ามาหรือไม่ ซึ่งหากดูจากบริษัทเทคฯใหญ่ๆ จะเห็นว่ายังไม่ได้มีรายได้ที่มาจากการลงทุน AI ที่ชัดเจน
อีกทั้งเป็นเรื่องปกติที่หุ้นเทคฯปรับตัวขึ้นมามากก็อาจจะเจอแรงเทขายทำกำไรได้บ้าง โดยเฉพาะในครึ่งปีหลังที่เรามองว่าจะมีความผันผวนจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯเพิ่มขึ้น
คำแนะนำการลงทุน
บลจ.กสิกรไทย ยังคงมุมมองเป็นบวกต่อหุ้นสหรัฐฯ (Overweight) หุ้นเทคฯ ยังคงเป็นบริษัทที่มีกำไรเติบโตมาก เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่นๆ
และมองไปข้างหน้า Fed มีแนวโน้มลดดอกเบี้ยจากเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงอย่างชัดเจน และตลาดแรงงานที่ลดความร้อนแรงลง ดอกเบี้ยที่ลดลงจะเป็นปัจจัยหนุนให้กับกลุ่มเทคฯ หากมีการเทขาย
ทั้งนี้ Valuation ที่ปรับตัวลงมา จะเป็นโอกาสให้ทยอยเข้าซื้อและสะสมในระยะยาว ตามสัดส่วนในพอร์ตที่กำหนดไว้
คำเตือน ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน โดยศึกษานโยบายกองทุนและความเสี่ยงได้ที่ www.kasikornasset.com
ที่มา: KAsset Investment Strategy บลจ.กสิกรไทย
ข้อมูล ณ วันที่ 25 กรกฎาคม 2567
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
Fed และ กนง. คงดอกเบี้ยตามคาด >>Click
ECB ลดดอกเบี้ยครั้งแรก ในรอบ 5 ปี >>Click
จัดพอร์ต Core-Satellite ไม่ใช่เรื่องยาก >>Click