
"แม้ในช่วงที่ผ่านมา จะมีประเด็นร้อนระอุของสหรัฐฯ อย่างเรื่องการขึ้นภาษีของทรัมป์ ที่ทำให้กระทบไปหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งจีนเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด"
แต่รู้หรือไม่ว่า ท่ามกลางความวุ่นวายจากนโยบายของทรัมป์ กลับมีอีกประเทศหนึ่งในเอเชียที่อาจได้รับอานิสงส์จากเหตุการณ์นี้ นั่นคือ “เวียดนาม”
วันนี้ KAsset จะพาทุกคนไปร่วมติดตามสถานการณ์ และปัจจัยที่น่าจับตามองของเวียดนาม กับ Know The Markets บทวิเคราะห์จากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญตัวจริง
ภาพรวมด้านเศรษฐกิจ
สำหรับปี 2567 ที่ผ่านมา GDP ของเวียดนามเติบโตกว่า 7.09% และในปีนี้ก็คาดการณ์ว่าจะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งเช่นเดียวกัน ด้วยแรงหนุนจากปัจจัยด้านต่าง ๆ เช่น ภาคการผลิต การบริโภคภายในประเทศ และเม็ดเงินลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบวกต่าง ๆ ที่ทำให้เวียดนามมีความน่าสนใจในช่วงนี้ ตัวอย่างเช่น
ภาคธุรกิจ
คาดการณ์ว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นเวียดนาม จะมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ 18.6% ในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม และ Valuation ปัจจุบันอยู่ที่ 12-m ส่วน Forward P/E นั้น ยังอยู่ที่ 10 เท่า ทำให้การลงทุนในหุ้นเวียดนามมีความน่าสนใจเลยทีเดียว
ภาคการส่งออก
คาดการณ์ว่าปีนี้จะสามารถเติบโตได้ 10% เนื่องจากเวียดนามมีข้อตกลงการค้ากับหลายประเทศทั่วโลก เช่น การตกลงการค้าเสรีระหว่างสหภาพยุโรป-เวียดนาม (EVFTA) โดยเน้นเรื่องการค้าสินค้าต่าง ๆ การบริการที่ครอบคลุม และการลดภาษีนำเข้าของทั้ง 2 ประเทศ
หรือความตกลงการค้าเสรีระหว่างสหราชอาณาจักรและเวียดนาม (UKVFTA) ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตรของเวียดนาม ได้รับความนิยมในสหราชอาณาจักรด้วย
ทั้งหมดนี้ จึงช่วยสร้างความได้เปรียบให้กับเวียดนามได้เป็นอย่างดี
การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI)
ช่วง 9 เดือนแรกของปีที่ผ่านมา ได้ดึงดูดเม็ดเงินจากต่างชาติกว่า 24,780 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 11.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนในปีนี้มีการคาดการณ์ว่าเม็ดเงินจะยังคงไหลเข้าประเทศอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ นโยบาย “China+1” หรือการกระจายฐานการผลิตออกจากจีนไปยังประเทศอื่น ๆ เพื่อช่วยกระจายความเสี่ยงด้านการค้า ส่งผลให้บริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ หรือการผลิตชิปได้ย้ายฐานการผลิตมาที่เวียดนาม รวมถึงได้รับอานิสงส์จากสงครามการค้ารอบใหม่นี้ด้วย
แม้ว่าจะมีข้อได้เปรียบมากมาย แต่เนื่องจากเวียดนามมีการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ มากกว่าการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ถึง 9 เท่า จึงนับเป็นอีกหนึ่งประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ สูง ซึ่งทำให้ต้องเฝ้าติดตามนโยบายของทรัมป์ อย่างเรื่องการขึ้นภาษีนำเข้าอย่างใกล้ชิด
เมื่อสถานการณ์มีทั้งปัจจัยเชิงบวกที่ทำให้เวียดนามมีความโดดเด่น และประเด็นด้านกำแพงภาษีที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ทาง KAsset จึงมีมุมมองว่า
"ปีนี้ตลาดหุ้นเวียดนามอาจจะมีความผันผวน และมีความเสี่ยงจากนโยบายของทรัมป์ แต่ในด้านเศรษฐกิจจะยังคงเติบโตได้ดี จากการบริโภคและการส่งออก จึงแนะนำให้คงน้ำหนักในการลงทุนระยะยาวต่อไปได้"
สำหรับคนที่สนใจลงทุนใน หุ้นเวียดนาม บลจ.กสิกรไทย ขอเเนะนำ
K-VIETNAM : ลงทุนหุ้นเวียดนามชั้นนำ เน้นหุ้นกลุ่มที่มีศักยภาพการเติบโตสูง เช่น กลุ่มการเงิน กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มอุปโภคบริโภค โอกาสลงทุนหุ้นเวียดนามราคาน่าสนใจพร้อมเติบโตในระยะยาว
K-VIETNAM-RMF : ลงทุนหุ้นเวียดนามมาแรงโอกาสทำกำไรโตเพื่อวัยเกษียณพร้อมได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี

ที่มา: บลจ.กสิกรไทย
ข้อมูล ณ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568
คำเตือน ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน โดยศึกษานโยบายกองทุนและความเสี่ยงได้ที่
www.kasikornasset.com